แท็กซี่ไฟฟ้าวิ่งจริงแล้ว!? เติมแก๊สอยู่ไม่ไหว แล้วรถ EV จะวิ่งพอไหม? ชาร์จไง? ประหยัดกว่าเท่าไหร่?

         วันนี้เราอยู่ที่ บริษัท สมาร์ท แท็กซี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด

          เพื่อมาดูรถแท็กซี่ไฟฟ้าที่เป็นระบบไฟฟ้าแบบครบวงจร (Smart) โดยปัจจุบันเริ่มมีการใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้ามาวิ่ง
เพื่อรับผู้โดยสาร เป็นการพลิกโฉมวงการรถแท็กซี่จากรูปแบบเดิมและคนขับได้ประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น
          โดยทางคุณพิเศษ ทินกร ณ อยุธยา ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท สมาร์ท แท็กซี่ จำกัด จะมาเป็น
ผู้แนะนำเรื่องของรถ Smart Taxi

สาเหตุการทำระบบ Smart Taxi

          Smart Taxi มีการใช้งานมา 4 ปีแล้ว ตั้งแต่รถยนต์สันดาป ที่เน้นในเรื่องของความปลอดภัยของผู้โดยสาร
โดยรถแท็กซี่ทุกคันจะต้องติดตั้ง GPS กล้องภายในรถ และคนขับต้องแสดงตัวตนก่อนขับรถทุกครั้ง

          ส่วนการเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้า ในอนาคตทิศทางพลังงานจะเริ่มประสบปัญหา จากราคาก๊าซ NGV และ LPG ที่ปรับตัวสูงขึ้น จากเดิมคนขับจะเติมในราคาอยู่ที่ 8.50 บาท แต่ราคา ณ ปัจจุบันสูงถึงอยู่ที่ 19 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า
         ทางด้านรายได้คงเหลือของคนขับ จากข้อมูลในระบบของทางบริษัทที่มีแท็กซี่จำนวนประมาณ 5,000 คัน
ข้อมูลรายได้เฉลี่ยของคนขับก่อนช่วง COVID–19 จะมีรายได้ตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไปต่อวัน ส่วนปัจจุบันคนขับมี
รายได้กลับมาที่ 1,800 บาทต่อวัน
         แต่ค่าใช้จ่ายจากการเติมค่าก๊าซ  ถ้าเป็น NGV จะอยู่ที่ 500 บาท/วัน หรือ LPG อยู่ที่ 700 บาท/วัน ยังไม่รวม
ค่าใช่จ่ายอื่น ๆ คือ ค่ารถ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าอาหาร นอกจากนี้รถแท็กซี่จะต้องวิ่งวันละ 12 – 24 ชั่วโมง
ส่งผลให้รายได้คงเหลือตกอยู่ที่ประมาณ 300 – 400 บาท

         ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่รักในอาชีพคนขับรถแท็กซี่ เพราะเป็นอาชีพอิสระ

        จากการทำเป็นรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนหน้าเรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนด้านของรายได้ โดยเริ่มออก
ให้กับรายย่อย หรือรายเดียวก่อน เมื่อคนเลือกมาใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้า ผลที่ออกมาคือ คนไม่กลับมาใช้ัรถยนต์น้ำมัน
เพราะรายได้ที่เพิ่มขึ้น 200 – 300 บาทต่อวัน ถ้าคิดรายเดือนเท่ากับว่าจะมีรายได้เกือบหลักหมื่น ทั้งที่ เพียงแค่เป็นการเปลี่ยนรถเท่านั้น

         เป็นการเปลี่ยนเครื่องมือจากของเดิมที่มีระบบ Smart อยู่แล้ว จากรถแท็กซี่แบบใช้แก๊สมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% คือ รถ MG EP

         ซึ่ง รถ MG EP สามารถวิ่งได้ 380 กิโลเมตร เพียงพอต่อการใช้งาน โดยมีการอ้างอิงจากข้อมูลในระบบของ
ตัวรถที่ติดตั้ง GPS จำนวน 5,000 คัน ที่แสดงข้อมูลเฉลี่ยการวิ่งของรถแท็กซี่ที่มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิมที่เป็นการขับหาผู้โดยสาร แต่ปัจจุบันที่มีการเกิดแพลตฟอร์มจำนวนมาก ส่งผลให้รถแท็กซี่โดยเฉลี่ย
มีการใช้งานไม่เกิน 300 กิโลเมตร/วัน
         เพราะฉะนั้นการใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้าทั้งวัน จึงชาร์จเพียง 1 ครั้ง/วัน อาจจะไปชาร์จในช่วง Off-Peak จะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง

          ดังนั้นการใช้ รถ MG EP จึงสามารถตอบโจทย์ จากฟังก์ชันที่ไม่มีความซับซ้อน ส่งผลให้การใช้งานค่อนข้างสะดวก ไม่ยุ่งยาก ถึงแม้ว่าคนขับจะมีอายุมากและไม่มีความถนัดในเรื่องของเทคโนโลยีสามารถใช้งานได้

การเปลี่ยนเป็นระบบ Smart Taxi

1. ติด GPS

         รถ Smart Taxi จะต้องสามารถติดตามได้ทุกคัน รวมถึงมีกล้องบันทึกภายในรถ ส่วนภายนอกจะมีสัญลักษณ์
ที่เป็นโป๊ะไฟ หรือจอสื่อสาร เป็นวิธีการสื่อสารรูปแบบใหม่ โดยจะมีข้อความสามารถเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
ยกตัวอย่างกรณีช่วงการระบาด COVID-19 จะมีข้อความบอกว่าฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้ว เมื่อติดตั้งครบทั้งหมด
ถึงจะเป็น Smart Taxi ที่ถูกต้อง

          การแสดงอัตราค่าโดยสารที่ 35 บาท เกิดจากการจดของรถแท็กซี่ที่สามารถทำได้หลายประเภท คือ 35 บาท และ VIP ที่ราคาจะเริ่มต้นที่ 150 บาท ซึ่งคนอาจจะเคยใช้บริการและคิดว่ามีราคาที่แพงเกินไป จึงต้องทำสัญลักษณ์แสดงว่ารถแท็กซี่คันนี้เก็บอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 35 บาท

          รถแท็กซี่ไฟฟ้าที่เป็นสีขาว มาจากตามกฎหมายฉบับใหม่ที่อนุโลมให้รถแท็กซี่ไฟฟ้าสามารถใช้สีขาวได้
ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของรถมีความเป็นมินิมอล ดูเรียบง่าย ความสะอาด ทันสมัย และความปลอดภัย

2. ภายในของ Smart Taxi

          จะมีกล้องที่ติดตั้งอยู่บริเวณกลางรถ ทำหน้าที่เก็บข้อมูลการขึ้นรถของผู้โดยสารและข้อมูลตัวตนของคนขับ โดยจะแสดงผลออกมาเป็นภาพนิ่งในบางช่วงเวลา เพื่อเป็นการยืนยันว่ามีการขึ้นมาใช้บริการจริง รวมถึงการระบุตัวตนของคนขับ จะมีการเก็บข้อมูลไว้อย่างครบถ้วน

         เมื่อคนขับกดมิเตอร์กล้องจะเริ่มทำการถ่ายรูป ดังนั้นอุปกรณ์ภายในรถจะประกอบด้วย กล้อง มิเตอร์ ไฟว่าง

         และส่วนที่สำคัญ คือ แอฟพลิเคชันสำหรับคนขับ

         ต่อไปคนขับทุกคนจะต้องโหลดแอฟพลิเคชันและมีการบันทึกข้อมูลด้วยใบขับขี่สาธารณะของตัวเอง
รวมถึงมีการถ่ายรูปเพื่อสแกนใบหน้าก่อนใช้แอฟพลิเคชัน หลังจากนั้นจึงสแกน QR Code เพื่อใช้งานรถแท็กซี่

การจำลองการใช้งานระบบ Smart Taxi

          ตอนแรกรถแท็กซี่ที่ตัวมิเตอร์และโป๊ะจะดับอยู่ เมื่อต้องการใช้งานรถแท็กซี่จะต้องทำการสแกน QR Code
แล้วตัวมิเตอร์จะติดขึ้นมา

         ข้อมูลจะเป็นการบังคับที่สามารถรู้ได้แบบ Real Time ถึงการใช้รถแท็กซี่ของคนขับ ซึ่งปัญหาของรถแท็กซี่
ในปัจจุบันที่ผ่านมา หากผู้โดยสารลืมของไว้ที่รถ จะไม่สามารถสืบหารถแท็กซี่ที่ใช้บริการได้ แต่สำหรับระบบ
Smart Taxi ของทางบริษัท เพียงแค่ระบุถึงตำแหน่งและช่วงเวลาที่ขึ้นรถ ทางระบบสามารถสืบค้นข้อมูลย้อนหลัง
ถึงรถแท็กซี่บริเวณนั้นได้ แสดงให้เห็นว่าข้อมูลของมิเตอร์จะส่งข้อมูลไปที่ระบบ Cloud ที่เป็นการอัปเดตดาต้าแบบ Real Time

         ทางผู้โดยสารสามารถสแกน QR Code ด้านหลัง จะแสดงข้อมูลของคนขับรถแท็กซี่คันนี้ คือ ชื่อ หมายเลขทะเบียนรถ ข้อมูลการฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19

         กรณีที่มีการเปลี่ยนคนขับรถแท็กซี่ ข้อมูลจะเปลี่ยนแบบ Real Time เมื่อทดลองให้คนขับคนเดิมทำการ Log out และผู้โดยสารทำการ Refresh ข้อมูล โดยสแกน QR Code อีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่คนขับยังไม่มีการสแกน QR Code เพื่อเริ่มขับรถ
         ดังนั้นที่หน้าจอของผู้โดยสารจะไม่มีการแสดงข้อมูลของคนขับและมิเตอร์จะดับอีกครั้ง จึงไม่มีการให้บริการอย่างแน่นอน

         เปรียบเสมือนกับการใช้เครื่องพิวเตอร์ที่จะต้องใช้ User นั้น เช่นเดียวกับคนขับของระบบ Smart Taxi
ที่จะต้องสามารถระบุตัวตนการใช้รถแท็กซี่ได้ เพราะจะต้องรับผิดชอบ ส่งผลให้คนขับของทาง Smart Taxi
แทบไม่เคยกระทำความผิด และไม่มีเคสการร้องเรียน ซึ่งการขับแท็กซี่แบบเดิมตัวรูปของคนขับที่แสดง
จะไม่ตรงกับคนขับรถแท็กซี่จริง

        แต่ระบบ Smart Taxi จะเป็นการออนไลน์ทั้งหมด ที่จะต้อง Log in และผูกกับมือถือที่เป็นอุปกรณ์ประจำตัว 
ถือว่าเป็นการปฏิวัติและผู้ใช้บริการรู้สึกมีความปลอดภัย จากการที่รถแท็กซี่มี GPS ทุกคัน และกล้อง ประกอบกับ
จะมีการเก็บข้อมูลของทุก ๆ การวิ่งของรถแท็กซี่ทั้งหมด

การต่อยอดส่วนของการเพิ่มรายได้

        ทางบริษัทได้มีการทำนวัตกรรมใหม่ขึ้นมาชื่อว่า TAXI QR

         เมื่อผู้โดยสารทำการสแกนจะมีการให้โหลดแอฟพลิเคชัน ซึ่งเป็นแอฟพลิเคชันดังกล่าวจะคำนวณค่าโดยสาร
ที่จะใช้แทนมิเตอร์ในอนาคต ถ้าหากผู้โดยสารต้องการใช้บริการและพบรถ Smart Taxi ที่เป็นรถแท็กซี่แบบใช้
QR Code สามารถเปิดแอฟพลิเคชัน เพื่อคำนวณราคาค่าโดยสารได้ทันที

        สมมติว่า ทำการเปิดแอฟพลิเคชันและระบุจุดหมายปลายทาง คือ สนามบินดอนเมือง เมื่อกดเตรียมตัว
ออกเดินทาง ที่หน้าจอจะขึ้น QR Code พร้อมราคาค่าโดยสารที่ 299 บาท ผู้โดยสารจะยื่น QR Code ให้คนขับทำ
การสแกน QR Code ที่ราคาค่าโดยสาร 299 บาท พร้อมทั้งกดยืนยัน ที่หน้าจอแอฟพลิเคชันของผู้โดยสารจะแสดงคนขับที่ตกลงราคาเรียบร้อยแล้ว เมื่อคนขับกดยอมรับที่จะไปจุดหมายปลายทาง ตัวมิเตอร์ที่คิดอัตราค่าโดยสาร
จะดับลง

         เรียกได้ว่าเป็นราคาผ่านแอฟพลิเคชันที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า จากช่วงเวลที่ค่าโดยสารอาจจะมีราคาที่แพง คนขับจะไม่เกิดการปฏิเสธ รวมทั้งจะมีช่วงเวลาที่ค่าโดยสารอาจจะมีราคาที่ถูกลง

         การใช้บริการรถแท็กซี่แบบดั้งเดิมจะมีการคิดค่าโดยสารแบบมิเตอร์เพียงแบบเดียว เริ่มรู้สึกว่าลูกค้าที่จะมาใช้บริการมีจำนวนน้อยลง เพราะจะเลือกใช้บริการจากแอฟพลิเคชันมากกว่า อย่างที่สอง การจราจรในบางช่วงเวลา
จะมีความยืดหยุ่น การคิดค่าโดยสารจะเป็นไปตามการคำนวณจากมิเตอร์ ดังนั้นจึงใช้แอฟพลิเคชันเข้ามาช่วย
ในเรื่องของการจราจรที่แออัด ความต้องการ สถานะรถแท็กซี่ที่พร้อมให้บริการ แสดงให้เห็นถึงความสมเหตุสมผล เพื่อลดการปฏิเสธจากคนขับ

         นอกจากนี้มีปัญหาหลักในช่วงเวลารถติที่คนขับ ส่วนใหญ่จะปฏิเสธการให้บริการ ยกตัวอย่าง ถ้าผู้โดยสารต้องการไปที่สีลมในช่วงเวลาห้าโมงเย็น ทางคนขับจะเลือกปฏิเสธกับทางลูกค้า เพราะว่าลูกค้าน่าจะไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง จากช่วงเวลาที่รถติดอย่างหนัก ทางลูกค้าจะเลือกลงระหว่างทาง การที่คิดค่าโดยสารจะคิดตามค่ามิเตอร์ แต่ถ้าหากลูกค้าเลือกใช้บริการผ่านแอฟพลิเคชันที่คิดคำนวณราคาเรียบร้อยแล้ว ทางผู้โดยสารที่จะเลือกลงระหว่างทางจะต้องชำระค่าโดยสารตามที่ตกลงกันไว้ในแอฟพลิเคชัน ซึ่งจะเป็นธรรมต่อทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้นคนขับจึงไม่มี
การปฏิเสธจากความคุ้มค่า

 

         จากการคนขับรถแท็กซี่มีรายได้ที่น้อยลง จึงหันมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อป้องกันการถูกแย่งลูกค้า
ดังนั้นการมีแอปพิเคชันที่เป็นของคนไทยสามารถเรียกรถแท็กซี่ได้ จึงควรที่จะมีการส่งเสริม และเรื่องของราคา
จะมีความแฟร์มากกว่า เพราะทางบริษัทไม่มี Service Charge หรือการหักค่าคอมมิชชั่นที่สูงจนเกินไป
มีเพียงแค่การเก็บค่าประกอบการ รวมทั้งต้องการทำราคาที่ทั้งคนขับและผู้ใช้บริการสามารถยอมรับได้
จากความคุ้มค่าและมีความเหมาะสมต่อทั้ง 2 ฝ่าย

การติดอุปกรณ์ของ Smart Taxi

         จะมีการติดอุปกรณ์มาตรฐานของ Smart Taxi ทั้งหมดตามที่กล่าวไว้ คือ GPS กล้อง มิเตอร์ ไฟว่าง และโป๊ะ

         การติดตั้งอุปกรณ์ทั้งหมด จะต้องส่งช่างไปอบรมที่โรงงานที่ชลบุรี เพื่อผ่านการรับรองก่อนว่าบริษัท Smart Taxi ทางทีมช่างสามารถติดตั้งอุปกรณ์ของเราได้ เพราะเรื่องของการรื้อระบบไฟของรถจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของการประกันของตัวรถ หลายคนอาจจะไม่รู้ เมื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากโชว์รูมและทำการติดตั้งมิเตอร์เองกับทางร้านอื่น จะส่งผลให้การประกันขาดทันที

         เพราะฉะนั้นระบบไฟฟ้าของรถยนต์ไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก การติดมิเตอร์โดยปกติทางบริษัทจะใช้ Speed Sensor ของตัวรถ แต่ของระบบไฟฟ้าจะไม่สามารถดึงออกมาได้ จะต้องใส่ Sensor ต่างหาก

           ร้านมิเตอร์โดยทั่วไปที่ไม่รู้ ถ้าหากมีการทำขึ้นมาเอง โดยทางทีมช่างไม่ผ่านการอบรมที่ศูนย์ เมื่อดึงระบบไฟฟ้า ส่งผลให้การทำงานของระบบตัวอื่นๆ เกิดการรวน การประกันจะขาดอย่างแน่นอน
          ดังนั้นทางทีมงานที่ผ่านการอบรมจากทางโรงงาน จะมีหลักฐานการรับรองว่าทีมงาน Smart Taxi ได้รับรองการติดตั้งอุปกรณ์ตามมาตรฐานของโรงงาน

ระบบหลังบ้านของ Smart Taxi

          ที่หน้าจอของระบบจะแสดงตำแหน่งและสถานะของรถแท็กซี่ทุกคัน

         สีของสถานะรถแท็กซี่แบ่งเป็น
             สีน้ำเงิน  คือ มีผู้โดยสารอยู่ภายในรถแท็กซี่
             สีเขียว    คือ รถแท็กซี่กำลังวิ่ง
             สีส้ม       คือ รถแท็กซี่ที่จอดอยู่
             สีเทา      คือ สัญญาณขาดหายชั่วคราว
             สีแดง     คือ รถแท็กซี่ที่อยู่ระหว่างการซ่อมบำรุง เช่น การถอดแบตเตอรี่

          จำนวนรถแท็กซี่ที่อยู่ในระบบมีจำนวนทั้งหมด 9,000 กว่าคัน ที่รวมรถแท็กซี่น้ำมัน แก็ซ และพลังงานไฟฟ้า
โดยรถแท็กซี่ไฟฟ้าที่ทำออกมาตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2566 มีจำนวนประมาณ 300 คัน เนื่องจากว่าผู้ประกอบการเพิ่งจะเริ่มออกมาไม่นาน
          การหารถแท็กซี่สามารถเลือกไปที่อู่หนึ่งที่มีจำนวนรถแท็กซี่อยู่ที่ 596 คัน จะมีการแสดงค่าอุณหภูมิของ
รถแท็กซี่แต่ละคัน ถ้าค่ามากกว่า 100 องศาเซลเซียส จะทำให้เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท รวมทั้งจะเป็นระบบแบบ GPS

          ในอนาคตข้างหน้าจะแสดงเป็นแบตเตอรี่ของรถแท็กซี่ไฟฟ้า ที่แสดงค่าพลังงานคงเหลือของแบตเตอรี่
ซึ่งปัจจุบันจะอยู่ในแพลตฟอร์มของเดิมร่วมกันอยู่
          ถ้าต้องการสุ่มเลือกดูรถแท็กซี่คันหนึ่ง จะคลิกที่รถแท็กที่คันนั้นจะแสดงค่ารายละเอียดและสถานะของ
รถแท็กซี่ เช่น การจอดรถ ไฟว่างปิด ค่าอุณหภูมิของรถ และข้อมูลของอู่ จะเป็นแบบ Real Time

         ส่วนของการสำรองข้อมูลสามารถเก็บข้อมูลย้อนหลังได้เป็นปี จากการเป็น Text File ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก

          นอกจากนี้มีส่วนของรูปถ่ายภายในรถ

         รถแท็กซี่ที่มีการใช้แพลตฟอร์มของต่างชาติ สิ่งที่จะเสียไปนอกจากตัวเงิน คือ ข้อมูล ที่ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ
ดังนั้นจึงควรสนับสนุนแพลตฟอร์มของคนไทย เพื่อให้ข้อมูลอยู่ภายในประเทศที่สามารถนำไปต่อยอดได้
         สำหรับคนที่เป็นเจ้าของอู่สหกรณ์สามารถเข้าถึงและดูข้อมูล ยกเว้นรูปที่จะต้องมีขั้นตอนขออนุณาตก่อน 

ในกรณีที่มีการเกิดเหตุ จะต้องมีการแจ้งความ ตามกฎหมาย PDPA (Personal Data Protection Act)
เป็นพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

การใช้บริการ Smart Taxi พร้อมทั้งการสัมภาษณ์คนขับ

         จะเป็นการใช้บริการ Smart Taxi โดยจุดหมายปลายทางอยู่ที่บางหว้า พร้อมทั้งมีการสัมภาษณ์คนขับ
ถึงเรื่องของรายได้จากการขับรถแท็กซี่ไฟฟ้าเกือบตลอดทั้งวัน ที่เป็นอัตราค่าโดยสารที่ 35 บาท สามารถ
เลือกได้ 2 แบบ คือ การเรียกผ่านแอฟพลิเคชัน และการเรียกระหว่างทางแล้วกดมิเตอร์ธรรมดา

         ผู้ที่เราสัมภาษณ์ คือ คุณอานนท์ ถึงการเลือกใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้า ได้บอกเหตุผลตามความรู้สึกว่าสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างสูง ซึ่งในช่วงก่อนหน้าคุณอานนท์เคยขับรถแท็กซี่ของบริษัทคนไทยที่ใช้ Toyota PRIUS เป็นรถระบบ Hybrid โดยอยู่กับบริษัทดังกล่าวประมาณปีกว่า

         หลังจากนั้นมีการซื้อรถส่วนบุคคลมาวิ่งของ Grab Application ที่ในช่วงเวลานั้นเป็นที่นิยมอย่างมากและ
มีรายได้ค่อนข้างสูง

         ส่วนรถแท็กซี่ไฟฟ้ามีการเช่าซื้อมาใช้งานประมาณ 6 เดือน เมื่อเปรียบเทียบกับ Toyota PRIUS รถแท็กซี่ไฟฟ้าจะมีข้อดี คือ ความนิ่ง ความเงียบ และการซ่อมบำรุงเฉพาะระบบช่วงล่างเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะตัดปัญหาเรื่องของเครื่องยนต์ที่จะต้องซ่อมบำรุงเป็นรายเดือน

         ความเหมาะสมการนำรถยนต์ ไฟฟ้ามาทำรถแท็กซี่ โดยรถ MG EP ที่มีขนาดแบตเตอรี่อยู่ที่ 53 กิโลวัตต์
จากสเปคที่ระยะทาง 383 กิโลเมตรจะเป็นกรณีที่ปิดแอร์วิ่ง จากการใช้งานจริงที่ระยะทาง 250 กิโลเมตร
เป็นการวิ่งมาตลอดทั้งวันที่เพียงพอแล้ว หลังจากจบงานจะหาสถานีชาร์จ

          โดยปกติทางคุณอานนท์ หลังจากจบงานแล้ว จะทำการแวะชาร์จรถแท็กซี่ไฟฟ้าที่ปั๊ม ปตท. ที่อยู่ในบริเวณ
ใกล้บ้าน ตามการกำหนดลิมิตการทำงานที่เวลา 4 – 5 ทุ่ม จะเป็นเวลาช่วงเวลา Off-Peak ที่ค่าไฟฟ้าจะถูกลง

         วันนี้ทางคุณอานนท์มีงานประมาณ 8 งาน คิดรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,800 บาท โดยส่วนใหญ่จะเรียกผ่านแอฟพลิเคชัน โดยปกติเรื่องของค่าใช้จ่ายคงที่ (Fixed Cost) มีดังนี้
                1. ค่าส่งรถวันละ 700 บาท
                2. ค่าชาร์จรถวันละ 200 – 300 บาท จะเป็นการชาร์จในช่วงเวลาหลัง 4 ทุ่ม แต่วันนี้เมื่อช่วงประมาณ
4 โมงเย็นที่ส่งลูกค้าเรียบร้อยแล้ว การจราจรเริ่มติดขัด จึงมีการชาร์จที่ปั๊ม ปตท. บริเวณกล้วยน้ำไท โดยชาร์จเพิ่มประมาณ 100 บาท พลังงานคงเหลือของเดิมอยู่ที่ 56% เพิ่มมาเป็น 80% เพื่อมีลูกค้าเรียกไปยังจุดหมายปลายทาง
ที่มีระยะทางไกล
               3. ค่าใช้จ่ายส่วนตัวประมาณ 300 บาท
          รวมต้นทุนต่อวันคงที่อยู่ที่ 1,300 บาท และทางคุณอานนท์สามารถยืนยันได้ว่ามีเงินเหลือเก็บ
          เมื่อเปรียบเทียบความประหยัดระหว่างการใช้รถแท็กซี่ที่ใช้แก็ซกับรถแท็กซี่ไฟฟ้า ต้นทุนของรถแท็กซี่ไฟฟ้า
จะถูกกว่าครึ่ง ถ้าเป็นรถแท็กซี่ที่ใช้แก็ซจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2 บาท/กิโลเมตร ส่วนรถแท็กซี่ไฟฟ้าจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่
1 บาท/กิโลเมตร สำหรับการชาร์จช่วงเวลา Off-Peak และเมื่อกลับมาชาร์จที่บ้านต้นทุนจะถูกลงกว่าเดิม

         สำหรับวันนี้จากการมาชม Smart Taxi เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าบวกกับระบบ Smart ที่ทางเราเริ่มดูตั้งแต่การเปลี่ยนรถยนต์ไฟฟ้ามาเป็นรถ Smart Taxi และได้ทดลองใช้บริการ พร้อมกับการสอบถามถึงรายได้
ที่เพิ่มขึ้นของคนขับ
          ในอนาคตทางคุณตุ้ยมีความต้องการการส่งเสริมทั้งทางภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้โดยสาร
ที่อยากให้กลับมามองรถแท็กซี่เป็นตัวเลือกอันดับแรกก่อน ซึ่งแท็กซี่ที่แล้วมาเกิดจากการกำหนดของภาครัฐเท่านั้น

          แต่ว่าปัจจุบันเริ่มมีการเปลี่ยนผ่านในเรื่องของข้อกฎหมาย และการเปลี่ยนแปลงจากเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า
ที่เข้ามา รวมทั้งการสนับสนุนให้ลดน้ำมันมาใช้พลังงานไฟฟ้าที่ภาครัฐจะต้องเข้ามาดูอย่างจริงจัง ประกอบกับ
เรื่องของกฎระเบียบที่จะต้องวางบนรถแท็กซี่ จะต้องทำการแก้ไขและพัฒนาพร้อมกันในอนาคต อย่างการทำ
ระบบแพลตฟอร์มชื่อว่าแอปพลิเคชัน TAXI QR จะใช้ในการคำนวณค่าโดยสารผ่านแอปพลิเคชันแทนมิเตอร์

          เป็นการเพิ่มทางเลือกอีก 1 ช่องทาง นอกเหนือจากมิเตอร์ในอนาคต เพื่อความแฟร์ทั้งผู้โดยสารและผู้ขับขี่
จึงเป็นการพลิกโฉมวงการแท็กซี่อย่างแท้จริง ด้วยระบบที่คิดคำนวณค่าโดยสารที่เป็นธรรม ตัวรถที่มีรูปโฉมดูสะอาด การใช้พลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการเพิ่มความปลอดภัยที่มีระบบ Smart สามารถดูเรื่องของมิเตอร์ภายในรถและมีการติดตามที่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด จึงอยากให้คนไทยทั้งผู้ใช้บริการและคนขับลองเปิดใจเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่กับ Smart Taxi

          และนี้คือเรื่องราวความน่าสนใจของ Smart Taxi ที่จะมีบทบาทและพลิกโฉมวงการแท็กซี่ในอนาคต
ที่คุณสามารถดูได้จากคลิปด้านล่าง ถ้าหากคุณชอบคลิปนี้ขอฝาก กด LIKE กด SHAREกด SUBSCRIBE
ที่ช่องของพวกเราด้วยนะครับ

Share

FOLLOW US


WELLDONE GUARANTEE

452 Pecthkraseam Rd. Laksong Bangkhae, Bangkok 10160
Email : welldone.guarantee@gmail.com Tel. 0889415944

Copyright © 2022 EV GUARANTEE All rights reserved.