ช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมามีข่าวใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่สะเทือนไปทั้ง จาก Tesla ประกาศหั่นราคาลงครั้งใหญ่ถึง 20%
![](https://evguarantee.net/wp-content/uploads/2023/02/สะเทือนวงการค่ายรถไฟฟ้าทั่วโลก-1-1024x576.jpg)
Tesla ถือว่าเป็นค่ายรถยนต์ไฟฟ้าเบอร์ 1 ของโลกที่ทำราคารถไฟฟ้าให้คนเข้าถึงได้เป็นครั้งแรกกับรถรุ่น Model 3 และ Model Y ที่เป็น SUV ทำให้หลายคนอยากจะหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า
และจากการประกาศปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าในประเทศใดก็ตาม ที่ Tesla เข้ามาในทำตลาด อาทิ ประเทศไทย จีน ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น จะเป็นการเซ็ตราคามาตรฐานรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศนั้นไป ทำให้คู่แข่งทั้งรถน้ำมันและรถไฟฟ้าในประเทศนั้นจะต้องปรับราคาเพื่อให้สามารถแข่งขันกับทาง Tesla ได้
ในประเทศไทย Tesla Model 3 ที่เปิดตลาดในช่วงเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมามีราคาอยู่ที่ 1.7 ล้านบาท สามารถจูงใจให้คนที่เดิมมีความต้องการซื้อรถยุโรปมือสองที่มีราคาประมาณ 2 ล้านบาท หรือรถ Honda Civic เปลี่ยนใจไปซื้อ Tesla Model 3 แทน เพราะมีส่วนต่างแค่ประมาณ 2 แสนบาทเท่านั้น ประกอบกับชื่อเสียงของ ทาง Tesla มีความน่าเชื่อถือต่อคนที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้า
วันนี้เราก็อยากจะพูดถึงว่าทำไม Tesla ถึงกล้าปรับราคารถยนต์ไฟฟ้าลงถึง 20 % ซึ่งสวนทางกับค่ายอื่น ๆ เช่น ทางค่ายจีนที่ทำตลาดในประเทศไทยมีการขอปรับราคาขึ้น เพราะว่าแร่ลิเธียมมีราคาที่สูงขึ้นและชิปเซ็ต ขาดแคลน
เราจะมาร่วมพูดคุยกับคุณ Chai ซึ่งเป็นนักลงทุน และทำงานสายโปรแกรมเมอร์ และเป็นผู้ใช้รถ Tesla ในฝั่งอเมริกา
![](https://evguarantee.net/wp-content/uploads/2023/02/สะเทือนวงการค่ายรถไฟฟ้าทั่วโลก3-1024x576.jpg)
ราคารถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla เช่น รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ที่เปิดตัวในราคาเริ่มต้น 1.7 ล้านบาท
เมื่อเทียบกับทางราคารถยนต์ไฟฟ้า Tesla ของฝั่งประเทศอเมริกาจะสูงกว่าเล็กน้อย ซึ่งถือว่ามีราคาที่ใกล้เคียงกัน
![](https://evguarantee.net/wp-content/uploads/2023/02/สะเทือนวงการค่ายรถไฟฟ้าทั่วโลก5-1-1024x576.jpg)
สาเหตุของการปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla
อย่างแรกเป้าหมายของ Tesla คือ ต้องการให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มมากขึ้น และในช่วงที่ผ่านมาทาง Tesla มีการปรับราคารถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งราคารถยนต์ไฟฟ้าที่ปรับลดลง 20 % จะเป็นราคาที่เทียบเท่ากับเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ที่มีการปรับราคาสูงขึ้นมาแล้ว
ประกอบกับทาง Tesla มีความกังวลเกี่ยวกับการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ การขึ้นอัตราดอกเบี้ย และรถยนต์ไฟฟ้าถูกมองว่าเป็นสินค้าที่ฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ที่มีราคาอยู่ในระดับสูงและมีคนจำนวนน้อยที่สามารถจะเข้าถึงได้ และความต้องการของคนกลุ่มนี้เริ่มลดจำนวนลง
![](https://evguarantee.net/wp-content/uploads/2023/02/สะเทือนวงการค่ายรถไฟฟ้าทั่วโลก8-1024x576.jpg)
![](https://evguarantee.net/wp-content/uploads/2023/02/Capture.jpg)
จากรูปด้านบนจะเห็นได้ว่า ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าล่วงหน้าของ Tesla โดยปกติอยู่ที่ประมาณ 4 แสนกว่าคัน และผู้ซื้อต้องใช้เวลาในการรอรถประมาณ 3 – 6 เดือน แต่ในปี 2023 ทางผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐศาสตร์มองว่าจากวิกฤตทางเศรษฐกิจโลก จะส่งผลให้กำลังซื้อของคนลดต่ำลง ซึ่งกระทบต่อยอดการจองรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesia ที่ลดจำนวนลงจาก 4 แสนกว่าคัน เหลือประมาณ 7 หมื่นกว่าคัน ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2022
ทาง Tesla มองเห็นแล้วว่าถ้ายังคงขายรถยนต์ไฟฟ้าในราคาเดิม จะต้องเกิดปัญหาจากยอดการสั่งซื้อที่ลดลงและมีความเสี่ยงที่รถยนต์ไฟฟ้าจะไม่สามารถขายออกไปได้ รวมทั้งจะต้องรับภาระจากต้นทุนค่าใช้จ่ายในการผลิต
รถยนต์ไฟฟ้า จึงตัดสินใจยอมรับกำไรที่ลดลง โดยการลดราคาลง 10 – 20 % เพื่อเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นแทน
![](https://evguarantee.net/wp-content/uploads/2023/02/Capture-1.jpg)
ก่อนที่ Tesla จะได้กำไรจากการขายรถยนต์ไฟฟ้า จะมาจากการขายคาร์บอนเครดิตให้กับค่ายรถที่เป็นรถน้ำมัน จากรูปด้นบน จุดคุ้มทุน (Break Even Point) จากการขายรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ในช่วงปีปลาย 2019 – 2020 จากนั้นเริ่มมีกำไรที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการยอดขายที่เติบโตจำนวนหลักแสนคันและการปรับราคารถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนการผลิต อาทิ เครื่องจักร Giga Press หรือเครื่องหล่อและปั้มรถยนต์ที่ครบวงจรที่สุดในโลก (Die casting machine) การใช้ Robot เป็นต้น รวมทั้งมีกำไรจากการขาย Software ต่าง ๆ ทำให้สามารถปรับราคารถยนต์ไฟฟ้าลงมาได้
การเปรียบเทียบระหว่างกำไรของรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla กับค่ายรถอื่น ๆ
![](https://evguarantee.net/wp-content/uploads/2023/02/3i8bahvrcuf81.png)
จากรูป จะเป็นการเปรียบเทียบระหว่าง Tesla กับค่ายรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน จะเห็นได้ว่ากำไรของรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ต่อคันอยู่ที่ 31% รองลงมาคือ Toyota Volkswagen( VW) General Motors (GM) และ Ford ที่มีแนวโน้มกำไรที่ลดลง จากยอดขายที่เริ่มหดลง
เมื่อเปรียบเทียบกับค่ายรถยนต์ไฟฟ้าอื่น ๆ ยกตัวอย่าง ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศจีนส่วนใหญ่จะมีกำไร ที่น้อยกว่า Tesla อาทิ ค่าย NIO และค่าย BYD ที่กำไรของรถยนต์ไฟฟ้ามาจากการถั่วเฉลี่ยจากรถปลั๊กอินไฮบริด ประกอบกับทางค่ายมีต้นทุนจากการผลิตรถยนต์แพลตฟอร์มต่าง ๆ ทำให้กำไรที่ได้น้อยกว่า
ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเปรียบเทียบระหว่างปี 2022 กับ 2021
![](https://evguarantee.net/wp-content/uploads/2023/02/33.jpg)
จากรูป อันดับที่ 1 คือ Tesla อันดับที่ 2 คือ BYD สามารถขายรถยนต์ไฟฟ้าเกือบถึง 1 ล้านคัน และในปี 2022 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นผ่าน 10% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด หมายความว่าขายรถยนต์ 10 คันจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 1 คัน
การปรับลดราคาของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ทางฝั่งประเทศอเมริกา
![](https://evguarantee.net/wp-content/uploads/2023/02/36-1024x866.jpg)
จากรูป ราคาลดลงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 – 20 % โดยรุ่น Model 3 Standard Range ที่มีราคาน้อยที่สุดลดลงเล็กน้อยประมาณ 6% ส่วนรุ่น Model Y ลดลงมากที่สุดที่ 20 % และจากปรับราคารถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ที่ลดลง ทำให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน ยกตัวอย่าง ยอดจองรถที่ประเทศจีน 1 อาทิตย์เท่ากับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ทั้งเดือน รวมทั้งยังเป็นการเซ็ตราคารถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าอื่น ๆ ต้องปรับราคา ลดลง เช่น ค่าย XPeng ที่ลดราคารถทุกรุ่น ทั้งที่ปัจจุบันขาดทุนเป็นจำนวนมาก
![](https://evguarantee.net/wp-content/uploads/2023/02/สะเทือนวงการค่ายรถไฟฟ้าทั่วโลก49-1024x576.jpg)
ราคารถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ที่ประเทศไทยจะลดลงหรือไม่
![](https://evguarantee.net/wp-content/uploads/2023/02/สะเทือนวงการค่ายรถไฟฟ้าทั่วโลก53-1024x576.jpg)
เมื่อ Giga Factory ที่เซี่ยงไฮ้ลดราคาลงแล้ว ราคารถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ที่จำหน่ายที่ประเทศไทยมาจาก โรงงานนั้น จะลดลงตามหรือไม่ ทางคุณ Chai คาดการณ์ว่ามีแนวโน้มที่ราคาจะลดลง แต่ในปัจจุบันยังคงไม่ปรับ ลดราคา เนื่องจากตอนเปิดตัวยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ที่ประเทศไทยวันแรกมีจำนวนที่มากถึง 6,000 คัน แสดงว่ายังมีคนที่สามารถซื้อในราคานี้ได้ ประกอบกับความเคยชินกับราคารถยนต์ไฟฟ้าของ Tasla ที่อยู่ในระดับสูง ทำให้เมื่อมีการปรับราคารถลดลง ยกตัวอย่าง รุ่น Model Y ที่ราคาเริ่มต้นที่ 3 ล้านบาท มีการปรับลดราคาลงเหลือ 2.2 ล้านบาทหรือประมาณ 8 แสนบาท สามารถดึงดูดให้คนต้องการซื้อมากขึ้น
ดังนั้นสำหรับใครที่ได้ทำการจองรถยนต์ไฟฟ้ากับทาง Tesla แล้ว มีความต้องการจะรอให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าลดลง ก็สามารถยกเลิกการจองและต่อคิวใหม่ได้
สำหรับคนที่สนใจดูและอยากลองรถยนต์ไฟฟ้า สามารถไปที่ Tesla Test Drive ซึ่งเป็นศูนย์ทดสอบรถยนต์ไฟฟ้า ตั้งอยู่ที่The Paseo รามคำแหง
หากเพื่อน ๆ สนใจดูเนื้อหาฉบับเต็มสามารดูได้จากคลิปด้านล่างนี้ได้เลย และถ้าชอบคลิปนี้ฝากกดไลค์ กดแชร์ กด Subscribe ให้ด้วยนะคร้าบ