ตลาด EV จีนแข่งเดือดและเริ่มขาลงจริงหรือ?
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศจีนกำลังแข่งขันกันอย่างเข้มข้นมากในขณะนี้ ถึงขั้นที่หลายคนตั้งคำถามว่านี่เป็นสัญญาณของขาลงหรือไม่ เพราะมีแฟคเตอร์หลายอย่างที่ต้องจับตา ทั้งยอดขายที่เลือกตัวเลือกได้มากขึ้นและจำนวนแบรนด์ที่ลดลงจากร้อยกว่าหลักสิบ รวมทั้งค่ายใหญ่ก็ยังเหนื่อยกับการปรับตัวเพื่อรักษาตำแหน่งในตลาด
แม้ในอันดับต้นๆ ของยอดขายแต่ละเดือนยังเป็น EV อยู่ แต่ภาพรวมตลาดยานยนต์ในจีนก็ชะลอตัวและหดตัวลงชัดเจน ส่งผลต่อกำลังผลิตที่มีข่าวว่าชะลอหรือผลิตเกินที่ตลาดใช้จริง นอกจากนี้เศรษฐกิจจีนที่ย่ำแย่ก็ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ทำให้ตลาด EV มีแนวโน้มว่าจะซึมตัวและไม่เติบโตอย่างรวดเร็วเหมือนก่อน หากไม่มีการกระตุ้นตลาดด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่หรือที่ราคาจับต้องได้มากขึ้น
จำนวนแบรนด์ EV ลดลงจากหลายร้อยเหลือหลักสิบ
ก่อนหน้านี้ตลาด EV ในจีนมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ามากถึง 200-400 แบรนด์ แต่หลังจากปีที่ผ่านมาไม่มีการสนับสนุนซับซิเดียม (subsidi) อีกต่อไป แบรนด์ที่ไม่สามารถแข่งขันได้ก็ล้มเลิกกิจการไปจำนวนมาก ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเหลือเพียงหลักสิบเท่านั้น ตลาดจึงมีลักษณะฟองสบู่ที่แตกออก เหลือแบรนด์ที่มีฐานแข็งแรงจริงเท่านั้นที่ยังอยู่รอดได้
เทคโนโลยีและระบบนิเวศ EV ที่ยังต้องพัฒนา
เรื่องสำคัญที่ขัดขวางตลาด EV จีนไม่ให้โตต่อคือเทคโนโลยีและ infrastrcuture สำคัญอย่างการชาร์จและการสลับแบตเตอรี่ ระบบสลับแบตยังไม่ก้าวหน้ามากพอและมีข้อจำกัดในการลงทุน เพราะต้องใช้ infrastructure เฉพาะแบรนด์เท่านั้น ทำให้ความคุ้มค่าลดต่ำลง แม้มีการพัฒนาเทคโนโลยีชาร์จเร็ว เช่น ของ BYD ที่ชาร์จได้ถึง 1 เมกะวัตต์ แต่ก็ยังเป็นเรื่องท้าทายในเชิงธุรกิจว่าควรลงทุนมากน้อยแค่ไหนเพื่อขยายโครงข่าย
อีกทั้งแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่ชาร์จผ่านระยะทาง 1,000 กิโลเมตรที่พูดถึงมานาน ก็ยังไม่กลายเป็นผลิตภัณฑ์ขายจริงในตลาดทั่วไปเพราะราคาสูง เหมาะสำหรับกลุ่มพรีเมียมที่เข้าถึงได้เท่านั้น
แบรนด์ใหญ่และสถานะการเงินในตลาด EV จีน
หนึ่งในแบรนด์ใหญ่ที่ต้องเผชิญความท้าทายอย่าง BYD ได้ลดกำลังการผลิตลง แม้จะอยู่ในตลาดได้ด้วย economy of scale ก็ตาม แต่แรงกดดันด้านต้นทุนและยอดขายที่ลดลงทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงความมั่นคงของแบรนด์ โดยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา โมเดลเดิมที่ขายดีมีหล่นอันดับลง และมีทางเลือกใหม่ๆ ที่เสนอขนาดใหญ่และเทคโนโลยีดีขึ้นในราคาที่คล้ายกันเข้ามาแข่งขัน
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์อื่นที่เป็น legacy และมีความแข็งแรงทางการเงินในจีน เช่น MG, SC, BIC, Great Wall Motor และฉางอัน ซึ่งบางแบรนด์เริ่มขยายตลาดไปนอกจีน รวมถึงในไทยด้วย ทั้งยังมีตลาดรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปรองรับจำหน่ายควบคู่ไป
กลยุทธ์และอนาคตของตลาด EV จีนและไทย
ส่วนใหญ่แบรนด์ใหญ่ที่รอดอยู่มักจะมีแพลตฟอร์มและธุรกิจอื่นที่ช่วยสร้างรายได้ เช่น แพลตฟอร์ม Dual Mode (DM) ของ BYD ที่ขายดีกว่า EV ล้วนในหลายโมเดล นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมแบตเตอรี่และรถบัสเชิงพาณิชย์ที่ช่วยหนุนธุรกิจด้วย
กลยุทธ์ของแบรนด์จีนส่วนใหญ่ตอนนี้คือการถอยครึ่งก้าวไปยังตลาดที่ใหญ่กว่าเพื่อแชร์กำไร ทำให้ธุรกิจยังทำกำไรได้ แม้ตลาด EV จะเติบโตช้าหรือขาลงก็ตาม อย่างไรก็ตาม ต้องมีนวัตกรรม ฟังเสียงตลาด และราคาที่แข่งขันได้เพื่อเติบโตต่อไป
สำหรับประเทศไทย แบรนด์จีนที่น่าจับตาคือแบรนด์ที่มีการลงทุนโรงงานผลิตในไทยและมีเครือข่ายการขายและบริการครบถ้วน เพราะจะมีเสถียรภาพมากกว่าและยังมีฐานการผลิตเพื่อส่งออก ตลาดพวงมาลัยซ้ายและขวาที่รองรับ EV เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สรุป
ตลาด EV ในจีนแข่งขันดุเดือดและอยู่ในช่วงขาลงจริง แต่แบรนด์ใหญ่และแข็งแกร่งยังคงอยู่รอดได้ มีการปรับตัวเพื่อสะท้อนความต้องการของตลาดและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถ EV ควรพิจารณาความมั่นคงของบริษัทโดยดูจากสายป่าน การมีผลิตภัณฑ์หลากหลายและมีโรงงานในไทยเพื่อรับประกันความยั่งยืน
ถ้าแบรนด์ใดสามารถผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้จนถึงปี 2027 ผู้ซื้อรถ EV สามารถมั่นใจได้ว่าการลงทุนเพื่อครอบครองรถไฟฟ้าจะยั่งยืนและปลอดภัย
หากชอบคลิปนี้สามารถดูได้ทางด้านล่างนี้ ขอฝาก กด LIKE กด SHARE กด SUBSCRIBE ที่ช่องของพวกเราด้วยนะครับ
📣 สนับสนุน Welldone Guarantee
มาเรียนรู้คอร์สพื้นฐานและโอกาสทางธุรกิจในยุค EV ได้เลย!
- สำหรับผู้ที่อยากรู้เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าและอยากต่อยอดธุรกิจ
 - 🚀 อย่ารอช้า! รอบต่อไป 15 พ.ย. นี้
 - evguarantee.net/ev-basics-course/
 - 👉 ไลน์ @welldone.guarantee (มีแอดด้วยนะ)
 - หรือคลิกเลย Link: lin.ee/Hk3XVIi
 - #รถยนต์ไฟฟ้า #EV #ธุรกิจยุคEV #DoctorEV #DrEV
 
