ค่ายรถญี่ปุ่นในยุค EV บูมต้องปรับตัวอย่างไร

ยุคที่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ค่ายรถญี่ปุ่นต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับตัวให้ทันต่อเทรนด์โลก จากงาน Japan Mobility Show 2025 พบว่าการเปิดตัวรถยนต์ส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นยังมุ่งเน้นการตอบโจทย์ตลาดภายในประเทศเป็นหลัก ส่งผลให้ชาวต่างชาติและสื่อระหว่างประเทศให้ความสนใจงานลดลงอย่างเห็นได้ชัด

รถต้นแบบหลายรุ่นที่จัดแสดงในงานนั้นดูเหมือนจะถูกออกแบบเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคในญี่ปุ่นเป็นหลัก เช่น รถ Mobility เล็กๆ ที่เน้นในตลาดญี่ปุ่นโดยเฉพาะ รวมถึง Suzuki ที่เน้นตลาดภายในประเทศอย่างชัดเจน

เทคโนโลยีและทิศทางของค่ายรถญี่ปุ่นที่น่าสนใจ

แม้ว่าชาวโลกจะดูเหมือนสนใจรถญี่ปุ่นน้อยลง แต่จริงๆ แล้วยังมีนวัตกรรมที่ค่ายรถญี่ปุ่นกำลังพัฒนามากมาย เช่น Mazda กำลังพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์โรตารี่ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าในเฟส 2 ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ชาวโลกจะได้เห็นในอนาคต และ Toyota ที่ยังคงมุ่งมั่นออกแบบรถรุ่นใหม่อย่าง Corolla และ Lexus ที่เตรียมก้าวสู่ตลาดโลก

สำหรับ Honda กำลังจะนำเสนอรถไฟฟ้าภายใต้ซีรีส์ Honda Zero ซึ่งเป็นรถที่นิยามใหม่ในรูปแบบซอฟต์แวร์นิยามยานยนต์ (Software Defined Vehicle หรือ SDV) โดยมีแผนจะนำรถสองรุ่นนี้เข้าสู่ตลาดไทยในอีก 2 ปีข้างหน้า

ถึงแม้ญี่ปุ่นจะพัฒนาช้าและค่อยเป็นค่อยไป แต่เน้นการเดินทางแบบขั้นตอน (step by step) และมั่นใจในคุณภาพก่อนทำการวางตลาด เห็นได้ชัดว่าสื่อบางกลุ่มในญี่ปุ่นมองว่ายุทธศาสตร์ EV ของญี่ปุ่นยังเหมาะกับรูปแบบหลากหลาย (Multipath) เพื่อรองรับตลาดและสภาพแวดล้อมในแต่ละประเทศได้อย่างเหมาะสม

ใครจะรอด-ใครจะเหนื่อยในตลาด EV?

การแบ่งระดับความสามารถในการปรับตัวของค่ายรถญี่ปุ่นในยุค EV แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มเทียร์ 1 ร้านที่สามารถปรับตัวได้เร็วและมีแผนที่ชัดเจน เช่น Toyota และ Honda เพราะมีตลาดระดับโลกและความแข็งแกร่งด้านงานวิจัยและพัฒนา

กลุ่มเทียร์ 2 ได้แก่ Mazda, Suzuki และ Mitsubishi ซึ่งยังปรับตัวได้อยู่แต่ด้วยทรัพยากรและเทคโนโลยีที่มีจำกัดต้องทำงานหนักกว่าเทียร์ 1 เล็กน้อย

กลุ่มเทียร์ 3 คือ Nissan, Subaru และอาจรวมถึง Isuzu ซึ่งสถานการณ์ถือว่ายังลากเลือด เนื่องจากมีปัญหาด้านการบริหารจัดการและการแข่งขันในตลาดอย่างหนัก

โดยเฉพาะ Nissan ที่เคยเป็นค่ายที่ทำ EV ก่อนใครในญี่ปุ่น แต่ตอนนี้ต้องเผชิญกับความล่าช้าในการบริหารและการพัฒนารถใหม่ รวมถึงความท้าทายในเรื่องราคาที่ใกล้เคียงกับคู่แข่งอย่าง Toyota รุ่น BZ4X

ความเคลื่อนไหวและการรุกตลาดในงาน Motor Expo

สำหรับงาน Motor Expo ปลายปีนี้ ค่ายรถญี่ปุ่นจะเริ่มมีสีสันมากขึ้น มีการเปิดตัว Toyota Hilux Travo หรือรุ่นไฟฟ้าที่ราคาประมาณ 1.49 ล้านบาท รวมถึง BZ4X รุ่นเริ่มต้นที่ราว 5.2 แสนบาท ส่วน Honda e:NP2 ยังอยู่ในช่วงดูแลและรอประกาศ

ด้าน Nissan จะเน้นที่รถไฮบริดในงานนี้เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้ามากกว่าการแข่งขันโดยตรงกับค่ายจีน ซึ่งญี่ปุ่นมองว่าไม่จำเป็นต้องฟาดฟันโดยตรง เพราะตลาดจีนเองก็แข่งขันกันอย่างดุเดือดอยู่แล้ว

ราคา EV ของญี่ปุ่นในตอนนี้และอีกปีหน้าคาดว่าจะอยู่ในช่วงระดับล้านต้นถึงล้านปลายบาท ไม่เกิน 2 ล้านบาท และนำเสนอตัวเลือกที่แตกต่าง พร้อมให้ลูกค้ามีทางเลือกในตลาด

สรุปความคิดเห็นและมุมมองสู่อนาคต

ค่ายรถญี่ปุ่นยังมีที่ยืนอยู่ในตลาด EV แม้จะเผชิญความท้าทายจากคู่แข่งจีนที่ฟาดฟันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะค่ายใหญ่เช่น Toyota และ Honda ที่พร้อมไปต่อ ส่วน Mazda, Suzuki และ Mitsubishi ต้องสู้ต่อด้วยทรัพยากรที่จำกัด ส่วน Nissan และ Subaru กำลังเผชิญปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข

การพัฒนารถ EV ของญี่ปุ่นเน้นความคงทนและประสิทธิภาพให้ตอบโจทย์แต่ละตลาดอย่างเหมาะสม และเน้นการให้ทางเลือกแก่ผู้บริโภค เพื่อรองรับความหลากหลายของภูมิภาคและการเติบโตของตลาดในอนาคต

เราจะได้เห็นการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดในงาน Motor Expo ปลายปีนี้ ที่จะเผยถึงความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าจากค่ายใหญ่ญี่ปุ่นที่มาพร้อมทางเลือกสำหรับผู้บริโภคในไทย

หากชอบคลิปนี้สามารถดูได้ทางด้านล่างนี้ ขอฝาก กด LIKE กด SHARE กด SUBSCRIBE ที่ช่องของพวกเราด้วยนะครับ