ทิศทางกระบะไทยจะเป็นอย่างไร? เก็บภาษีเพิ่มรถดีเซล จะกระบะไฟฟ้าก็ราคาแพง วิ่งได้ 350กม.ไม่ตอบโจทย์

          ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้รถกระบะจำนวนมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากประเทศสหรัฐอเมริกา
เมื่อดูยอดจดทะเบียนรถกระบะรวมทุกประเภท คือ รถกระบะตอนเดียว รถกระบะอเนกประสงค์ 7 ที่นั้ง PPV
และรถกระบะ 4 ประตู ในปี 2565 มียอดรวมกันทั้งหมด 843,000 คัน ถ้านับเฉพาะรถกระบะ 4 ประตู
จะมียอดจดทะเบียนเท่ากับ 388,000 คัน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่ายอดรวมของรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคล
มองเห็นได้ว่าประเทศไทยนิยมใช้รถกระบะอย่างมาก

สาเหตุที่คนในประเทศไทยนิยมใช้รถกระบะ

         1. รถกระบะมีราคาถูกและเข้าถึงได้ง่าย
             จากที่ประเทศไทยมีความต้องการใช้รถกระบะจำนวนมาก และมีการสนับสนุนให้เกิดอุตสาหกรรมการผลิต
รถกระบะในประเทศ

              โดยจะมีค่ายญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนและพัฒนา คือ

                  ค่าย ISUZU ซึ่งประสบความสำเร็จในการขายรถ ISUZU D-MAX โดยมียอดขายจำนวน 170,000 คัน

                  ค่าย TOYOTA ที่ตั้งฐานการผลิตรถกระบะในประเทศไทยจะเป็นรถ TOYOTA VIGO และ REVO
มียอดขายที่จำนวน 150,000 กว่าคันเมื่อปี 2565

          เมื่อมีการส่งเสริมพัฒนาทำให้ราคาชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศลดลง ส่งผลให้ราคาของรถกระบะถูกลง
จนสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น โดยราคารถกระบะในประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ 600,000 – 1,200,000 บาท

         2. การประหยัดน้ำมัน

             เครื่องยนต์ดีเซลที่ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีเทคโนโลยี DIRECT INJECTION รวมทั้งเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ช่วยให้การใช้น้ำมันลดน้อยลงและให้กำลังออกมามากขึ้น นอกจากนี้เครื่องยนต์ดีเซลมี
ความทนทานมากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน จึงเป็นเหตุผลที่คนหันมาใช้รถกระบะ

              ซึ่งเครื่องยนต์ดีเซลของรถกระบะจะใช้น้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 15 กิโลเมตร/1 ลิตร ถ้าเป็นน้ำมันดีเซล B7 จะอยู่ที่
2 บาทนิด ๆ /กิโลเมตร

          3. รถกระบะสามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย

              โดยเฉพาะรถกระบะ 4 ประตู ที่คนนิยมซื้อมาใช้งาน เพราะสามารถใช้เป็นรถโดยสารหรือบรรทุกของ
เพื่อนำมาสินค้ามาขายได้ยกตัวอย่าง รถ Isuzu D-MAX 4 ประตู

               ประกอบกับรถกระบะมีขนาดไซด์ใหญ่จึงสามารถตอบโจทย์ได้อย่างหลากหลาย

          จากเหตุผล 3 ข้อ ที่ทำให้รถกระบะได้รับความนิยมจะเป็นรถกระบะที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเป็นหลัก ซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมด

เรื่องของรถกระบะไฟฟ้าที่เทรนด์เรื่องรถไฟฟ้ากำลังมา
เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเครื่องยนต์ดีเซล
มีการปล่อยก๊าซค่อนข้างมาก ทางค่ายรถต่าง ๆ จึงหันมาใช้รถกระบะไฟฟ้า

          ปัจจุบันทาง ค่าย ISUZU และ ค่าย TOYOTA ที่เป็นเจ้าตลาดรถกระบะในประเทศไทยมีการเตรียมตัว
แต่ยังไม่มีการทำออกมาจำหน่าย ซึ่งทาง ค่าย ISUZU ตัวรถกระบะไฟฟ้ามีความพร้อมที่ขายในอีก 3 – 4 ปีข้างหน้า
ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการทำต้นแบบและศึกษา

         ส่วนค่าย TOYOTA ได้มีการเปิดตัวต้นแบบออกมาแล้ว คือ IMV 0 หรือ รถกระบะไฟฟ้าตอนเดียว ซึ่งคาดว่า
จะผลิตขายได้ในปลายปี 2024 แต่ยังไม่มีการเปิดเผยเรื่องของสเปคราคา

         แต่รถกระบะไฟฟ้าจากค่ายรถของประเทศจีนและประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีความพร้อมมากกว่าที่จะทำตลาด

ค่ายรถกระบะไฟฟ้าของประเทศจีน

         1. MG Extender EV/ Maxus T 90

          ทางค่าย MG จะนำเข้ารถเพื่อมาทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งสเปคของรถมีมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 174 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตัน-เมตร แต่มีข้อจำกัดเรื่องของระยะทางต่อการเติมพลังงาน 1 ครั้ง สำหรับรถกระบะไฟฟ้า 

MG Extender EV วิ่งได้ในระยะทาง 325 Km/1 การชาร์จ เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ดีเซลที่เติมน้ำมันเต็มถัง สามารถวิ่งได้ระยะทางอย่างน้อย 600 – 1,000 KM เพราะว่าเครื่องยนต์ดีเซลประหยัดการใช้น้ำมันและมีถังน้ำมันขนาดใหญ่

          เรื่องของความประหยัดต่อระยะทาง จะเห็นได้ว่ารถกระบะไฟฟ้าจะประหยัดมากกว่าเครื่องยนต์ดีเซล
จากราคา 2 บาทกว่า อาจจะเหลือแค่ประมาณ 60 -70 สตางค์/1 KM

          และยังมีเรื่องของราคารถกระบะไฟฟ้า อย่าง รถ MG Extender EV ราคาเปิดตัวที่ประเทศจีน อยู่ที่ 1,528,000 บาท

          เหตุผลหลักที่คนนิยมใช้รถกระบะเพราะว่ามีราคาที่ถูกตั้งแต่ 600,000 – 1,200,000 บาท แต่ราคาของ
รถกระบะไฟฟ้าสูงมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้รถกระบะไฟฟ้าเติบโตได้ยากขึ้น

ค่ายรถกระบะไฟฟ้าของประเทศสหรัฐอเมริกา

          ค่าย FORD คือ รถ Ford F-150 Lightning จะมีรุ่นดังต่อไปนี้

         รุ่น Standard-Range ขนาดของแบตเตอรี่อยู่ที่ 98.0 kWh สามารถวิ่งได้ในระยะทาง 370 KM/1 การชาร์จ ตามมาตรฐาน EPA แต่ระยะทางที่วิ่งได้ยังไม่ไกลมาก

         รุ่น Extended-Range ขนาดของแบตเตอรี่อยู่ที่ 131.0 kWh สามารถวิ่งได้ในระยะทาง 483 KM/1 การชาร์จ แต่ราคาจะเริ่มต้นที่ 1.4 – 2 ล้านบาท

        รถกระบะไฟฟ้าที่วิ่งได้ในระยะทางที่จำกัดและมีราคาที่สูงมาก จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้คนต้องคำนึงถึงถ้าจะมาใช้
รถกระบะไฟฟ้า

        งานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมารถกระบะไฟฟ้าได้มาทำตลาดที่ประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว คือ

                JAC ที่จับมือกับบริษัท THAI EV นำรถกระบะไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดที่ประเทศไทย

            NEX บริษัทสัญชาติไทย นำรถกระบะไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งมีการเตรียมที่จะผลิต
รถกระบะไฟฟ้าในประเทศไทย

          จะเป็นรถกระบะไฟฟ้าที่ใช้งานในเชิงพาณิชย์ เช่น รถตรวจการณ์ สเปคจะเป็นรถกระบะไฟฟ้า 4 ประตู
สามารถบรรทุกของน้ำหนักไม่เกิน 900 KG สามารถวิ่งได้ในระยะทาง 300 KM/1 การชาร์จ เป็นระยะทางที่สั้น
ไม่สามารถตอบโจทย์การใช้งาน รวมทั้งราคาอยู่ที่ประมาณ 1.3 – 1.5 ล้านบาท โดยที่ยังไม่รวมเงินสนับสนุน 200,000 บาท จากนโยบายส่งเสริมด้าน EV ถือว่าเป็นราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการใช้งาน

         จาก 3 เหตุผลที่คนเลือกใช้รถกระบะ ตัวรถกระบะไฟฟ้าจะสามารถตอบโจทย์ในเรื่องของการประหยัดพลังงาน แต่ในส่วนของราคาที่อยู่ในระดับสูงและยากที่การใช้งานได้หลากหลาย ด้วยข้อจำกัดเรื่องของระยะทางวิ่งที่สั้นและบรรทุกของได้น้ำหนักไม่มาก ทำให้รถกระบะไฟฟ้ายังอยู่ในวงที่จำกัดมีการใช้งานเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้น

รถกระบะไฟฟ้าที่จะตอบโจทย์การใช้งาน ถ้าไม่ใช้แบบ BEV

          ค่ายรถต่าง ๆ พยายามพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ออกมา แต่ที่จะพูดถึง คือ เทคโนโลยี Plug-in Hybrid
ที่ค่ายรถหลายค่ายมีแนวโน้มที่จะทำออกมา อาทิ

          MITSUBISHI MOTORS เตรียมที่จะเปิดตัวรถ Triton PHEV อาจจะเป็นช่วงปลายปี 2566 หรือต้นปี 2567

          โดยนำระบบ Outlander PHEV เครื่องยนต์เบนซินมาใส่รถ Triton รถสามารถวิ่งไฟฟ้า 100% ได้อยู่ที่ 87 KM ขนาดของแบตเตอรี่อยู่ที่ 20 kWh ส่วนราคายังไม่มีรายละเอียด แต่คาดว่าราคาจะถูกกว่าแบบ BEV

          GWM มีรถ Haval PHEV แม้กระทั่ง FORD นอกจากจะมีรถกระบะไฟฟ้าแบบ 100% แต่ด้วยราคาที่สูงมาก
จึงทำรถ Ford Explorer Plug-in hybrid ออกมาทำตลาดด้วยเช่นกัน

          ต้องมาดูว่าถ้าเทคโนโลยี PHEV ออกมา ราคาจะสามารถสู้กับแบบ BEV ได้หรือไม่

แนวทางในอนาคตที่จะมุ่งเน้นเรื่องของพลังงานสะอาด

            ถ้าต้องการใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่สุดที่ปล่อยควันออกมาน้อย จะมีเทคโนโลยีหนึ่ง คือ เทคโนโลยี (REEV) Range Extended Electric Vehicle

         ปัจจุบันในประเทศจีนเริ่มนำมาใช้กับกลุ่มรถ SUV ไซด์ใหญ่ เพราะรถกลุ่มนี้ใช้พลังงานค่อนข้างมาก จึงไม่นิยมมาทำแบบใช้ไฟฟ้า 100%
        เทคโนโลยี REEV คือ นำรถยนต์ไฟฟ้ามาร่วมกับเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กประมาณ 1.0 หรือ 1.2 ลิตร เอามา
ปั่นไฟชะลอให้พลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่หมดช้าลง

          นอกจากนี้ยังมีความทับซ้อนกับเครื่องยนต์ไฮบริด ถ้ามีการนำเข้ามาจะโดนเก็บภาษีเหมือนกับรถยนต์ไฮบริด เนื่องจากทางประเทศไทยปลดล็อคภาษีให้เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า(EV) เท่านั้น

          ถ้ามีข้อตกลงจัดให้รถยนต์ REEV เป็นรถอยู่ในหมวดของรถยนต์ไฟฟ้า(EV) และได้รับการยกเว้นภาษี
จะส่งผลดีต่อรถยนต์ REEV และน่าสนใจนำมาใช้กับรถกระบะไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มระยะทางการวิ่งจากเดิมที่
300 กว่า KM จะวิ่งได้ไกลขึ้นเป็น 600 KM ต่อ 1 การชาร์จ

        เพื่อน ๆ สามารถดูข่าวได้จากคลิปด้านล่างนี้ ถ้าคุณชอบคลิปนี้ขอฝาก กดLIKE กด SHARE กด SUBSCRIBE และสามารถมาพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ช่องของพวกเราได้นะครับ

Share

FOLLOW US


WELLDONE GUARANTEE

452 Pecthkraseam Rd. Laksong Bangkhae, Bangkok 10160
Email : welldone.guarantee@gmail.com Tel. 0889415944

Copyright © 2022 EV GUARANTEE All rights reserved.