ในวันนี้เรามาอยู่ที่ R&D Center GWM เพื่อมาพูดคุยถึงหัวข้อดังกล่าวกัน
ปัจจุบันต้องบอกว่ากว่าที่ค่ายรถยนต์จากประเทศจีนจะเป็นที่ยอมรับว่ามีศักยภาพที่สามารถตีตลาดโลกได้
ในสมัยก่อนจีนจะถูกเรียกว่าเป็นประเทศผู้ copy ดังนั้นการที่ค่ายจีนจะสามารถยกระดับนำรถยนต์ออกมาสู้ได้นั้น ทางจีนต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ดังนั้นวันนี้เราจะมาพูดคุยเรื่องนี้กับทาง
ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน
การวิวัฒนาการยานยนต์ของประเทศจีน
จากประวัติศาสตร์จีนรุ่นใหม่ที่เริ่มเมื่อปี 1978 ในช่วงที่ เติ้ง เสี่ยวผิง ซึ่งเป็นผู้นำรุ่นที่ 2 ก้าวขึ้นสู่อำนาจและมีการประกาศปฏิรูปเศรษฐกิจและใช้นโยบายเปิดประเทศ ส่งผลให้มีการพัฒนาประเทศให้เป็นอุตสาหกรรมแบบเชิงตะวันตก
ซึ่งแต่เดิมทางบริษัทจีนมีรัฐวิสาหกิจผลิตรถยนต์หลาย ๆ ค่าย อาทิ First Auto Work (FAW) เป็นต้น
และมีบริษัทอื่นอย่าง Lifan Changan แต่หลังจากนั้นทางจีนมีการดึงการลงทุนจากต่างชาติมาร่วมด้วย ซึ่งชาติแรกก็คือ Volkswagen
ทาง Volkswagen จะเป็นผู้ผลิตรถเก๋งและในขณะเดียวกันมีการพัฒนารถเพื่อการพาณิชย์ในการนำไปต่อยอดเพื่อพัฒนาประเทศ
ลำดับต่อมามีบริษัทเอกชนเมื่อปี 1984 (39 ปีที่แล้ว) มีการก่อตั้ง GWM (Great Wall Motors) ซึ่งเป็น
ค่ายรถเอกชนที่ผลิตรถยนต์เป็นแบรนด์ของตัวเอง
สังเกตจีนในสมัยก่อนที่นิยมจะเป็นรถยนต์จากแบรนด์ AUDI, Volkswagen และ Toyota ที่ข้างหลังจะมี 4 ตัวอักษร เช่น ชางชี ต้าจง มีที่มาจากชื่อสัตว์ บวกกับ Volkswagen
ทางจีนมีความคิดที่ว่าจะมาเป็นผู้ผลิตทำแบรนด์ของตัวเอง แต่ในสมัยก่อนจะเป็นการ copy แล้วมาใส่ชื่อ แบรนด์ของตัวเอง แต่มาครั้งนี้ทางจีนได้คิดข้ามขั้นมากกว่านั้นโดยกระโดดไปทำในเรื่องของ EV ที่จีนได้ผลักดันแพลตฟอร์มเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รถ Hybrid electric vehicle (HEV) และ รถ Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV)
จากคำที่ปรากฏอยู่ด้านหลัง มีความหมายว่า “แต่ละวันพัฒนาทีละน้อย”
เป็นการบ่งบอกว่าในช่วงเวลา 39 ปี ที่นับตั้งแต่ GWM การวิวัฒนาการยานยนต์ของจีนนั้นมีการพัฒนาทีละน้อยแต่ต่อเนื่อง จนกระทั่งเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก และการยึดตามแนวคิดนี้ ทำให้ในแต่ละวันจะต้องมีการคิดค้นที่ให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนเดิม จึงถือว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญมากสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน จนตอนนี้เป็นอุตสาหกรรมที่การผลิตยานยนต์พลังงานสะอาด
ต่อมาเราจะมาคุยกับคุณติ่ง ช่อง Tiy by Ting
ภาพของรถยานยนต์พลังงานใหม่ หรือที่เรียกว่า New Energy
จุดพลิกผันจากจีนผู้ copy กลายมาเป็นผู้นำเกมส์ด้านยานยนต์
จากเดิมภาพลักษณ์ของรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปของแบรนด์จีนภายในประเทศ คนส่วนใหญ่ไม่มั่นใจต่อ
การใช้งาน
แต่พอมาในช่วงปี 2008 เป็นต้นมา ทางจีนพยายามให้ผู้นำในเกมส์ยานยนต์ไฟฟ้าเข้ามาเพื่อสร้าง
การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ ซึ่งก็คือ Tesla
ส่วนที่มาช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาจากที่ทาง Tesla มีการเปิดแบบแผนขึ้นบางส่วน ให้ค่ายรถหลาย ๆ ค่ายที่ต้องการพัฒนาสามารถนำไปใช้ได้ โดยมีวัตถุประสงค์ให้มีการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้น ซึ่งจะมีทางค่าย NIO และ X PENG ที่มีการก่อตั้งเมื่อประมาณปี 2014
ประกอบกับทางจีนยินยอมให้ Tesla เข้ามาตั้งหลักปักฐานที่เซี่ยงไฮ้ (shanghai)
จากที่เกริ่นตั้งแต่แรกที่ GMW เป็นบริษัทที่ผลิตแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของตัวเอง แต่ตอนนี้ทางจีนยินยอมให้ค่ายจากต่างชาติเข้ามา ซึ่งจะเป็นกลยุทธ์ตามทฤษฎีที่เรียกว่า Shark Tank ที่เปรียบเสมือนกับการหาผู้ที่แข็งแกร่งที่จะเหลือรอดออกมาที่จะช่วยกระตุ้นตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
ดังนั้นทาง Tesla จึงไม่จำเป็นต้องเป็นกิจการร่วมค้า (Joint Venture) กับทางจีน รวมทั้งในเรื่องของ Gigafactory ของ Tesla มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก สะท้อนได้จากการผลิตรุ่น
Model Y เป็นรถที่ขายดีที่สุด ทำให้ค่ายรถยนต์อื่น ๆ ต้องมีการปรับตัว
จุดเปลี่ยนที่เห็นเป็นรูปร่างเมื่อทาง Tesla ได้เข้ามาพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าของจีน
ต้องบอกว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าดำเนินการได้ใช้เวลาที่ไวมาก เมื่อปี 2014 ทางกลุ่มบิ๊ก 3 ประกอบด้วย JAC, NIO และ X peng ที่ก่อตั้งขึ้นมา ภายในเวลา 3- 5 ปี สามารถออกรถได้แล้วและขายได้จริง
ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าของ NIO ขายรุ่นแรกเมื่อปี 2018 ถือได้ว่ามีการพัฒนาที่ทำได้ไวมาก
Tesla มีส่วนอย่างไรที่ทำให้ยานยนต์ของประเทศจีนเปลี่ยนแปลงมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง
ต้องย้อนกลับการไปดูงานที่ SHANGHAI AUTO 2023 ตรงนี้เป็นจุดที่เปลี่ยนแปลงหลายอย่างในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่สามารถแยกแยะจุดเด่นของแต่ละแบรนด์ เช่น ความสมาร์ทเทคโนโลยี โดยที่ทุกค่ายมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว
แต่นอกจากรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังมีรถยนต์ Hybrid อย่างเช่น HI4 ซึ่งความน่าจะเป็นควรที่จะทำเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด
เนื่องจากมีข้อจำกัดจากทรัพยากรที่ไม่เพียงพอ โดยหลักเป็นเรื่องของแบตเตอรี่ ถึงแม้ว่าทางจีนจะเป็นผู้ครอบครองทรัพยากรหลักในการจัดทำ แต่ก็มีจำนวนไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด
จากที่บริษัทค่ายรถยนต์ของจีนที่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นรถยนต์ไฟฟ้า, HEV และ PHEV แต่สิ่งที่ทางจีนเป็นผู้นำที่สุด คือ ด้าน Electric Vehicle ซึ่งจะมุ่งเน้นในเรื่องของมอเตอร์และแบตเตอรี่ ตอนนี้ทางจีนสามารถผลิตรถได้ 26 ล้านคัน ซึ่งมีจำนวนที่น่าจะเพียงพอต่อการองรับเทคโนโลยีที่หลากหลาย
จุดถัดไปจะเป็นเรื่องของการขับขี่กึ่งอัตโนมัติไปจนถึงระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Drive) เป็นอีก
สิ่งหนึ่งที่ทางจีนจะพัฒนาให้ทันตาม Tesla
สรุปได้เลยว่าทางค่ายจีนหลาย ๆ ค่าย ได้เริ่มตื่นตัวรีบเร่งพัฒนาโดยใช้เวลาอย่างรวดเร็ว จนถึงปี 2022 ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 10 ก็สามารถมีรถพลังใหม่ออกมาแล้ว ทั้ง Plug-in Hybrid, Full Hybrid, BEV และ Hydrogen จึงสามารถลบคำจากจีนผู้ copy เป็นผู้นำรถพลังงานสะอาดได้
หากคุณอยากฟังเรื่องราวเรื่องนี้ สามารถดูได้จากคลิปด้านล่าง และถ้าหากคุณชอบคลิปนี้ขอฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม กด SUBSDRIBE ให้ด้วยนะครับ