ที่ประเทศจีนเกิดข่าวที่แปลกและน่าสนใจมาก ๆ เกี่ยวกับการที่เทคโนโลยี Bully ผู้ใช้งาน เกิดเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นประเด็นพูดคุยที่ร้อนแรงที่สุดในโซเชียลอย่างแอพ Weibo หลังจากที่มีการโพสต์ของ Blogger ชื่อดัง ชื่อ DeraxTLM
ออกมาแสดงความไม่พอใจเรื่องของระบบขับขี่อัตโนมัติของรถยนต์ไฟฟ้าที่ชื่อว่า XPENG
เขาบอกว่าตอนที่ใช้งานตัวรถมีการแจ้งเตือนบ่อยและมีการปิดไม่ให้ใช้ระบบ Autopilot หรือ ระบบขับขี่อัตโนมัติ เนื่องจากตัวรถเข้าใจผิดว่าตัวเขาไม่มองทางข้างหน้าหรือหลับ
เกิดจากระบบตรวจสอบความปลอดภัยการขับรถที่เรียกว่า DMS หรือ Driver Monitoring Systems
ระบบนี้ได้ทำการดีแทคกับดวงตา DeraxTLM ซึ่งมีลักษณะดวงตาที่ตี๋ ทำให้ระบบเข้าใจว่าหลับ
การทำงานของระบบ DMS คือ ดีแทคจากลูกตาว่ากำลังมองทางหรือกำลังหลับ
เมื่อระบบเข้าใจว่าคนขับง่วงหรือไม่มองทาง จะทำการปิดระบบ Autopilot ไม่ให้ใช้งาน เพราะอาจเสี่ยงต่อ การเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้เขายังโดนหักคะแนนการขับขี่ เพราะไม่สนใจมองทางข้างหน้าเวลาขับ
จึงเกิดความไม่พอใจว่าระบบเทคโนโลยีตรวจสอบความปลอดภัยของผู้ขับขี่หรือ DMS เป็นการ Bully ชาวจีนหรือเปล่า ทั้งทีเป็นรถยนต์ไฟฟ้าของสัญชาติจีน แต่ระบบกลับไม่สามารถดีแทคลักษณะดวงตาของเขา ซึ่งโดยส่วนใหญ่ชาวจีนจะมีลักษณะดวงตาแบบนี้
จนต้องโพสต์บน Blog ของเขาในแอพ Weibo และแท็กถึงประธาน He Xiaopeng ของ XPENG
ถึงความไม่พอใจ ว่าถึงแม้ตัวเขาจะเป็นคนตาตี๋ แต่ระบบไม่สมควรตรวจสอบว่าเขาหลับ หรือว่าชาวจีนไม่เหมาะสมกับเทคโนโลยีระดับสูง คือ ระบบ Autopilot หรือ ระบบขับขี่อัตโนมัติ
นอกจากนี้ยังมี Blogger ชื่อ ChangYancy ซึ่งเป็น Blogger เกี่ยวกับรถยนต์ที่มีชื่อเสียง มีผู้ติดตามใน Weibo ถึง 1.2 ล้านคน
ซึ่งตัวเขาก็ประสบปัญหาเรื่องดวงตาที่เล็กเหมือนกันที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า XPENG ที่ได้รับผลกระทบจากตัวระบบตรวจสอบเมื่อเวลาใช้งานระบบที่ไม่สามารถดีแทคกับดวงตาได้ และทำการปิดการใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติเช่นกัน จนเกิดความคิดที่ว่าระบบ DMS ไม่ตอบสนองต่อผู้ใช้ชาวจีน
จึงเป็นประเด็นดราม่าในโซเชียลจีนที่เอามาพูดคุยถึงรถรุ่นนี้ ว่าเป็นการ Bully ชาวจีนหรือผลิตเพื่อมาจำหน่ายให้กับชาวต่างชาติหรือไม่
เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานระบบ DMS (Driver Monitoring Systems) การตรวจจับความง่วงและความเหนื่อยล้าของคนขับ
ระบบ DMS มีความจำเป็นหรือไม่ จากการเก็บข้อมูลสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุขึ้นทั่วทั้งโลกมากกว่า 21% มาจากความง่วงและความเหนื่อยล้า ระบบนี้จึงถูกทำขึ้นมาเพื่อตรวจจับอาการดังกล่าว เพื่อลดสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
ระบบ DMS มี Sensor ในการเก็บข้อมูล เช่น ข้อมูลของคนขับ และการเก็บข้อมูลรูปแบบการขับขี่ที่เสี่ยงต่อการง่วงและความเหนื่อยล้า แล้วระบบจะเรียนรู้และเก็บเป็นฐานข้อมูล เมื่อตรวจจับพบว่าคนขับง่วงและเหนื่อยล้า ระบบจะแจ้งเตือนให้หยุดพัก
รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ จะมีการเชื่อมต่อระบบ Adaptive Cruise Control หรือ ระบบการควบคุมความเร็วแบบแปรผัน หรือ ปรับเปลี่ยนได้ เมื่อมีการเดินทางในระยะไกล จะเปิดระบบ Adaptive Cruise Control ถ้าเผลอหลับใน แล้วระบบ DMS ตรวจพบจะแจ้งเตือน พร้อมกับลดความเร็วของรถลง
รถยนต์ไฟฟ้าโดยทั่วไปจะมีฟังก์ชั่นที่ไม่เหมือนกับรถยนต์น้ำมัน คือ ระบบ Autopilot หรือระบบขับขี่อัตโนมัติ
บางทีผู้ใช้รถเมื่อเปิดระบบ Autopilot ในการช่วยขับ อาจจะไม่สนใจไม่มองทาง หรือ อาจเผลอหลับไป ซึ่งเป็นอันตรายมาก ๆ
ตัวระบบ DMS เมื่อดีแทคกับดวงตาพบว่าง่วงหรือเหนื่อยล้า จะทำการแจ้งเตือนและค่อย ๆ ดำเนินการปิดระบบ Autopilot
ต้องคำนึงถึงว่าเทคโนโลยี Autopilot ปัจจุบันไม่สามารถเชื่อถือได้แบบ 100% ยังตัดสินใจแบบมนุษย์ไม่ได้ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ
เทคโนโลยีของระบบ DMS หรือ Driver Monitoring Systems ในปัจจุบันมีใช้อยู่มี 2 ประเภท คือ
1. INDIRECT หรือ แบบทางอ้อม คือ การตรวจจับที่ตัวรถไม่ใช่ผู้ขับขี่โดยตรง ในตัวรถจะมีกล้องและเซ็นเซอร์ ระบบจะใช้อุปกรณ์เหล่านี้มาใช้ในการประมวลผลข้อมูลรูปแบบการขับขี่ เพื่อดูรูปแบบที่เสี่ยงต่อการง่วงและเหนื่อยล้า
ในปัจจุบันมีกล้อง ADAS และเซ็นเซอร์ข้างหน้า ระบบจะดีแทคตัวรถถ้ามีการขับรถออกนอกเลน ระบบเหล่านี้จะประมวลผลว่ามีอาการเหนื่อยล้า หรือ ขับรถส่ายไปมา เบรกกะทันหัน หรือเหยียบคันเร่งขึ้นแบบทันที
แล้วเมื่อระบบ DMS เรียนรู้จากรูปแบบการขับรถ จะสามารถดีแทคถึงการง่วงของคนขับได้และจะทำการแจ้งเตือน ที่สำคัญรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ บางรุ่น มีการผูกกับ GPS แล้วถ้าระบบทำการแจ้งเตือนว่าคนขับมีอาการง่วง เหนื่อยล้า ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ระบบจะหาพิกัด เช่น ร้านกาแฟ เพื่อคนขับสามารถจอดพักได้
2. DIRECT คือ ระบบที่ตรวจสอบที่คนขับโดยตรง ว่ามีอาการง่วงหรือเหนื่อยล้า นิยมใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าจะมาพร้อมกับกล้องอินฟาเรดที่จะถูกติดตั้งได้หลายที่ เช่น บริเวณด้านหน้าแผงหน้าปัดเวลาขับขี่ ติดอยู่ตรงด้านหลัง พวงมาลัย และติดตรงบริเวณก้านกระจกมองหลัง
โดยระบบนี้จะถูกพัฒนามาพร้อมกับพวกเทคโนโลยี AI และ Machine Learning
เพื่อจดจำและเรียนรู้ข้อมูลของลักษณะใบหน้าของมนุษย์ที่แสดงว่าคนขับง่วงและเหนื่อยล้า ในการประเมินจะมีการเคลื่อนไหวของดวงตา ความถี่ของการกระพริบตา ทิศทางในการมอง และกล้องอินฟาเรดที่นำมาใช้สามารถมองทะลุแว่นกันแดดได้
นอกจากนี้มีการเก็บข้อมูลตำแหน่งศีรษะ ตำแหน่งคอ เพราะบางทีคนขับง่วงอาจจะเผลอก้มตัวลงตำแหน่งปาก ถ้าคนขับอ้าปากแสดงอาการหาว ระบบจะเรียนรู้ว่าเกิดอาการง่วง
แบบ DIRECT ที่ตรวจสอบไปยังคนขับโดยตรงจะสามารถประมวลผลได้รวดเร็ว สามารถแจ้งเตือนได้ทันที มีการเตือนด้วยเสียง ระบบสั่นที่เบาะ พวงมาลัยสั่น ขึ้นข้อความบนหน้าจอ หรือ เป็นจำกัดการเข้าถึงของระบบ Autopilot
เคสของ Tesla มีคนแอบแฮกการทำงานระบบชุดคำสั่งการตรวจสอบ Tesla มีการดีเเทคอย่างการหลับตา การมองตาลง การมองตรง มองขึ้นมองลง ก้มหัว การหันหัวซ้ายมองไปทางขวา
แต่ที่เป็นจุดเด่น คือ การใช้มือถือระหว่างขับรถ
เวลาคนขับใช้มือถือ ตาจะไม่ได้มองข้างหน้า แต่จะมองที่มือถือแทน ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ หากพบว่าคนขับไม่ได้มองทาง มีอาการง่วง เหนื่อยล้า และใช้โทรศัพท์ ระบบจะจำกัดการเข้าถึงการใช้ระบบ Autopilot หรือระบบการขับขี่แบบอัตโนมัติ
จนไปถึงการตัดคะแนน เพราะทาง Tesla มีการให้คะแนนการขับขี่ ซึ่งถ้ามีการตัดคะแนนจะมีผลกับราคาเบี้ยประกันของ Tesla
ส่วนตัวของ XPENG ที่กำลังเป็นข่าว ระบบ DMS เป็นแบบการตรวจสอบการง่วง การเหนื่อยล้ากับผู้ขับขี่โดยตรง โดยดูจากลูกตาและการมองทาง
แต่ว่าส่วนใหญ่ชาวจีนจะมีลักษณะดวงตาที่ตี๋และตาเล็ก ระบบจึงเข้าใจว่าคนขับง่วง ไม่ได้มองทาง เกิดการ แจ้งเตือน และปิดระบบ Autopilot หรือ ระบบการขับขี่อัตโนมัติ
เป็นที่น่าสังเกตว่า ระบบ AI Machine Learning ที่เก็บข้อมูลและมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในจีนจำนวนมาก อย่างแบรนด์ XPENG ที่แบรนด์ของชาวจีน
ควรจะต้องมีข้อมูลของชาวจีนหรือมีเชื้อสายจีนส่วนใหญ่มีลักษณะดวงตาที่ตี๋ เพราะฉะนั้นปัญหานี้ควรเก็บเป็นฐานข้อมูลเพื่อนำมาพัฒนา
ทาง XPENG และทีมออกมาแสดงความรับผิดชอบและส่งเรื่องไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว
ทาง Blogger ก็หวังว่าปัญหาที่เกิดขึ้นและมีการร้องเรียนจะเป็นการช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศจีนให้เติบโตยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตรวจสอบระบบการง่วงฐานข้อมูลของคนจีน เพื่อผู้ใช้รถที่เป็นคนจีน
สำหรับประเด็นที่แอบดราม่าและซีเรียส กับการที่ชาวจีนออกมาร้องเรียนระบบ DMS ที่ตรวจสอบลูกตา ซึ่งคนจีนมีตาตี๋ ดังนั้นควรมีฐานข้อมูลเรื่องลักษณะแบบหน้าตาชาวจีนไว้พัฒนาระบบด้วย
หากคุณต้องกาดูเนื้อหาเพิ่มเติมสามารถดูได้จากคลิปด้านล่างนี้ได้เลย