MG4 ตัวนี้เป็นรถซิตี้คาร์แบบ Sport Sedan Hatchback 5 ประตูที่มีความพิเศษมาก ๆ
คือใช้ “Nebula Platform” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มไฟฟ้าที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีในตลาดยุโรป
รถ MG4 มีสมรรถนะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ คือ รูปร่างเป็นรถ Sedan Sport ที่ดีไซน์ภายนอกแบบ รถ Sedan Hatchback 5 ประตู และเป็นรถยนต์ประเภท C Segment ขนาดเทียบเท่ากับ รถ Honda Civic ที่มุ่งเน้นการใช้พื้นที่เต็มทุกอณู จากการวางแบตเตอรี่ด้านล่างตัวรถและการวางตำแหน่งมอเตอร์ตรงแถวเพลาด้านหลัง
นอกจากนี้ยังมีระบบขับเคลื่อนด้วยชุดมอเตอร์อยู่ที่ด้านหลังขนาด 125 กิโลวัตต์ หรือ ประมาณ 170 แรงม้า เวลาที่เราเหยียบคันเร่งน้ำหนักจะถูกกดเข้าที่ล้อหลัง ทำให้รถพุ่งทะยานออกไปได้เร็วขึ้น
ในส่วนของแบตเตอรี่เป็นแบบ Cell to pack ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ MG นำมาใช้โดยสามารถบรรจุแบตเตอรี่ลงไปได้ถึง 51 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ 425 กิโลเมตร /1 การชาร์จ ตามมาตรฐานความประหยัดพลังงาน NEDC ซึ่งถ้าเทียบกับรถไซส์เดียวกันเช่น รถ ORA GOOD CAT ซึ่งบรรจุแบตเตอรี่ได้ประมาณ 40 กว่ากิโลวัตต์เท่านั้น
สำหรับระบบการชาร์จ ถ้าเป็น AC Type 2 สามารถชาร์จได้ที่ 6.6 กิโลวัตต์ แต่ถ้าเป็น DC Fast Charge สามารถรองรับได้ถึง 88 กิโลวัตต์ ระยะเวลาในการชาร์จจาก 10 – 80 % ใช้เวลาเพียงแค่ 35 นาทีเท่านั้น
ส่วนห้องเครื่องเปิดมาด้านหน้า มีแค่ระบบแอร์คคูนเลนมอเตอร์ และคูนเลนของแบตเตอรี่ มีการปิดอย่างเรียบร้อย
ฝาหลังเปิดมาภายในถือว่ากว้างพอสมควร
การออกแบบด้านในที่ให้อารมณ์แบบรถซีดานสปอร์ต ความสูงจากเบาะจนถึงพื้นที่ค่อนข้างสั้น ตามการวางแบตเตอรี่ด้านล่างตัวรถซึ่งสูงขึ้นมา 11%
ด้านหน้าจะมีหน้าจอดิจิตอลตรงฝั่งคนขับขนาด 7 นิ้ว และ ดีไซด์พวงมาลัยมีความเป็นเหลี่ยมเป็นมุมจับได้อย่างกระชับ
แล้วก็หน้าจอตรงกลางขนาด 10.25 นิ้ว ตัวพาร์ท bottom ก็จะมีปุ่มที่สามารถปรับได้
และมีที่วางมือถือ Wireless Charging ส่วนคอนโซล เนื่องจากระยะความสูงจากเบาะถึงพื้นค่อนข้างสั้น จึงมีการออกแบบให้เหมาะสมกับระยะความสูงนั้น
ส่วนแถวหลังความกว้างจะเทียบเท่ารถ Honda Civic และการพับเบาะของเจ้าตัวนี้ด้วยสไตล์ที่เป็น Hatchback 5 ประตู สามารถพับเก็บของมาได้ โดยเป็นการพับเบาะแบบ 60:40 ด้านในมีเนื้อที่กว้าง
ในส่วนของโหมดการขับขี่ มีทั้งหมด 5 โหมด คือ Eco, Sport, Snow, Custom และ Normal และมีระบบ รีเจนที่ปรับได้ถึง 5 ระดับ โดยสามารถปรับความเข้มข้นในการชาร์จไฟกลับจากการเบรคได้ 4 ระดับ (Auto, 1, 2, 3) มันจะปรับให้เหมาะสมตามสถานการณ์การขับขี่
จากคุณสมบัติที่ระบุมาช่วงล่างดีมากเดี๋ยวจะไปทดสอบขับกันในสนาม รถ MG 4 เป็น Nebula Platform จุดเด่นอยู่ที่ประสิทธิภาพในการกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ซึ่งจะเห็นได้จากการขับขี่ช่วงทางโค้งอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ไว้ที่ 7.5 วินาที
สำหรับราคา MG4 ยังไม่ได้เปิดราคา แต่คาดว่าจะอยู่ระหว่างรถ MG EP และ MG ZS EV
จากคุณสมบัติที่กล่าวมาเห็นได้ว่ารถ MG4 ถือเป็นรถที่สมน้ำสมเนื้อกับการเรือธงรถไฟฟฟ้าคันแรกของ MG ที่ใช้แพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจริง ๆ ที่หลายคนให้ความสนใจ แถมมีระบบเซฟตี้ที่ให้มาค่อนข้างครบครัน