ประเทศไทยพร้อมแค่ไหน!? กับเทคโนโลยีรถไร้คนขับ

ประเทศไทยกับเทคโนโลยีรถไร้คนขับในปี 2025

เทคโนโลยีรถไร้คนขับหรือรถขับเคลื่อนอัตโนมัติในประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงพัฒนาที่น่าจับตามอง แม้ว่าตลาดรถไฟฟ้า (EV) และรถ Plug-in Hybrid จะเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยยอดขายกว่า 500,000 คัน แต่ระบบรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติยังมีความท้าทายทั้งในด้านเทคโนโลยีและสภาพแวดล้อมรอบข้าง

ระดับของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติและความพร้อมในไทย

รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติแบ่งออกเป็น 6 ระดับ ได้แก่

  • ระดับ 0: ขับเองทั้งหมดแบบแมนวล
  • ระดับ 1: ระบบช่วยเล็กน้อย เช่น Cruise Control
  • ระดับ 2: เพิ่มระบบปรับเลนและเลี้ยวตามเส้นทาง (Adaptive Cruise Control และ Lane Keeping)
  • ระดับ 3: เริ่มขับเคลื่อนอัตโนมัติในบางสถานการณ์ ผู้ขับขี่ไม่ต้องจับพวงมาลัยตลอดเวลา (eye off)
  • ระดับ 4: ระบบขั้นสูงที่แทบตัดสินใจแทนผู้ขับได้ สามารถปล่อยให้ทำกิจกรรมอื่น (mind off) เช่น โรโบแท็กซี่
  • ระดับ 5: ไม่มีพวงมาลัย ไม่มีคนขับ เทคโนโลยียังเป็นความท้าทายสำคัญ

ในประเทศไทย รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ใช้เชิงพาณิชย์และส่วนบุคคลอยู่ที่ประมาณระดับ 3 โดยสามารถทำงานในบางเงื่อนไข ขณะที่จีนเริ่มทดลองระดับ 4 และ 5 แล้วในบางเมือง

ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานและระบบนิเวศ

โครงสร้างพื้นฐานของไทยยังไม่พร้อมรองรับเทคโนโลยีนี้ สมรรถนะของป้ายจราจรและเส้นถนนยังไม่ชัดเจน รวมถึงการสื่อสารระหว่างรถกับระบบพื้นฐานยังเป็นเรื่องยากและไม่ครบถ้วน ถนนยังคงเป็นระบบแมนนวลเกือบทั้งหมด

ส่วนเทคโนโลยีภายในรถ เช่น Tesla ใช้กล้องเป็นหลัก ส่วนจีนมีการใช้ LiDAR ที่ต้องขออนุญาตคลื่นความถี่จาก กสทช. ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นพัฒนามาตรฐานและระบบทดสอบความปลอดภัย

ประเด็นทางกฎหมายและความปลอดภัยไซเบอร์

กรมการขนส่งทางบกและ กสทช. เป็นหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายรถยนต์อัตโนมัติในไทย เรื่องความปลอดภัยด้านไซเบอร์โดยเฉพาะการถูกแฮกระบบจากระยะไกลยังเป็นความท้าทายสำคัญ

เมื่อระดับนั้นคือ 3 คนขับยังรับผิดชอบเอง แต่ระดับ 4 ระบบรถยนต์จะเป็นผู้ตัดสินใจ ดังนั้นจึงมีคำถามใหญ่คือเมื่อเกิดอุบัติเหตุใครจะรับผิดชอบ

การพัฒนาและโอกาสในอนาคต

ถึงแม้ว่ายังขาดองค์กรหลักที่ชัดเจนในการดูแลยานยนต์ไร้คนขับในไทย แต่มีสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจัง เพื่อตอบโจทย์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

ยานยนต์ไร้คนขับจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ ช่วยให้ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และคนพิการสามารถเดินทางได้สะดวกขึ้น อีกทั้งยังสนับสนุนเศรษฐกิจแบบแชร์ริ่ง (Sharing Economy) ซึ่งทำให้ผู้คนไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์เป็นของตัวเอง

ในอนาคต รถจะเป็นสมาร์ตดีไวซ์ที่ทำหน้าที่ได้มากกว่าการเดินทาง มีระบบกล้องรอบคันมากถึง 12 ตัว ที่สามารถติดตามและส่งข้อมูลระดับสูง ทำให้รถฉลาดกว่าที่เคย

สรุป

ประเทศไทยในปี 2025 เทคโนโลยีรถไร้คนขับแม้จะก้าวหน้าถึงระดับ 3 แล้ว แต่โครงสร้างพื้นฐานและกฎหมายยังต้องเดินหน้าอย่างจริงจังเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งเปิดโอกาสสำหรับนวัตกรรมและประโยชน์ใหม่ๆ ในวงการยานยนต์แห่งอนาคต

หากชอบคลิปนี้สามารถดูได้ทางด้านล่างนี้ ขอฝาก กด LIKE กด SHARE กด SUBSCRIBE ที่ช่องของพวกเราด้วยนะครับ

📣 สนับสนุน Welldone Guarantee

⚡ สนใจเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า 🚘

  • มาเรียนรู้คอร์สพื้นฐานและโอกาสทางธุรกิจในยุค EV ได้เลย!
  • สำหรับผู้ที่อยากรู้เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าและอยากต่อยอดธุรกิจ
  • 🚀 อย่ารอช้า! รอบต่อไป 15 พ.ย. นี้
  • evguarantee.net/ev-basics-course/
  • 👉 ไลน์ @welldone.guarantee (มีแอดด้วยนะ)
  • หรือคลิกเลย Link: lin.ee/Hk3XVIi
  • #รถยนต์ไฟฟ้า #EV #ธุรกิจยุคEV #DoctorEV #DrEV

แชร์เรื่องนี้

FOLLOW US


WELLDONE GUARANTEE

452 Pecthkraseam Rd. Laksong Bangkhae, Bangkok 10160
Email : welldone.guarantee@gmail.com Tel. 0889415944

Copyright © 2022 EV GUARANTEE All rights reserved.