ทำไมรถ PHEV ค่ายจีน “ไม่ปัง” ในไทย ทั้งที่ยอดขายถล่มทลายในจีน? ไขสาเหตุที่คนไทยเมิน!
ในช่วงนี้เราจะเห็นว่าค่ายรถจีนพยายามแทรกตัวเข้ามาในตลาดประเทศไทยด้วยรถพลังงานลูกครึ่ง โดยเฉพาะ “PHEV” หรือ Plug-in Hybrid Vehicle คือรถยนต์ไฮบริดที่สามารถชาร์จไฟฟ้าจากภายนอกได้ แต่ผลตอบรับยังไม่ดีเท่าไรนักเมื่อเทียบกับยอดขายถล่มทลายในจีน
ผมมีโอกาสพูดคุยกับพี่จิมมี่ กูรูด้านยานยนต์ เพื่อทำความเข้าใจว่าทำไมตลาดรถ PHEV ค่ายจีนนั้นยังไม่เกิดในบ้านเรา
ความไม่เชื่อมั่นในเครื่องยนต์จีนและภาพลักษณ์ของตลาด
ลูกค้าที่เข้ามาดูรถ PHEV จากค่ายจีนอย่าง BYD ส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจในเรื่องเครื่องยนต์จีน เนื่องจากภาพลักษณ์ในอดีตที่คนไทยมีต่อเครื่องยนต์จีนไม่ค่อยดีนัก แม้จะเชื่อมั่นในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพราะจีนเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี EV ก็ตาม
ลูกค้าจึงมองว่า Plug-in Hybrid ยังมีความเสี่ยงเรื่องความทนทานในระยะยาว เหตุนี้ทำให้หลายคนเลือกหันไปซื้อ EV ล้วนอย่าง Tesla Model 3 หรือ MG ZS EV แทน เนื่องจากไม่มีเครื่องยนต์สันดาปที่ต้องบำรุงรักษามาก
ราคาส่วนต่างและค่าใช้จ่ายหลังการขาย
ราคาของ PHEV กับ EV ล้วนในบ้านเรานั้นไม่ต่างกันมากนัก ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่พิจารณาแล้วเห็นว่าการบำรุงรักษารถ EV ง่ายและถูกกว่ารถ PHEV เพราะรถลูกครึ่งมีระบบเครื่องยนต์ที่ต้องดูแลควบคู่ไปกับระบบไฟฟ้า
แม้รถ EV หลังการขายจะยังมีข้อจำกัดบางอย่าง แต่ก็ถือว่าดูแลง่าย ไม่ยุ่งยากเท่ากับระบบสองรางที่ PHEV ใช้
แบรนด์และความเชื่อมั่นหลังการขาย
แบรนด์เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถ โดยกลุ่มลูกค้าที่ซื้อรถระดับราคาสูงกว่าและเป็นกลุ่ม Early Adopter มีความรู้สึกไม่มั่นใจมากพอในแบรนด์จีน โดยเฉพาะในตลาดรถยนต์ประเภท B segment ซึ่งมักจะเป็นรถคันที่ 2 ของบ้าน
เมื่อต้องเลือกซื้อรถ Plug-in Hybrid ระหว่างแบรนด์จีนกับญี่ปุ่น แบรนด์ญี่ปุ่นโดยเฉพาะ Toyota ได้เปรียบเรื่องความเชื่อมั่นในคุณภาพ และบริการหลังการขาย ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ยังเลือก Toyota มากกว่า
ปัญหาความแตกต่างของเทคโนโลยี PHEV จีนและญี่ปุ่น
ข้อแตกต่างสำคัญคือญี่ปุ่นพัฒนาขุมพลังแบบเครื่องยนต์ผสมมอเตอร์ไฟฟ้า (Hybrid) ที่เครื่องยนต์ทำงานเป็นหลัก มีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยเสริม ขณะที่จีนนิยมนำเอาแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และไฟฟ้ามาใช้เป็นหลัก โดยเครื่องยนต์เป็นตัวเสริมในบางจังหวะ หรือที่หลายคนเรียกว่า Super Hybrid
อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจเทคนิคข้างใน แต่สนใจเพียงแค่ “ค่าใช้จ่ายในความเป็นเจ้าของ” (Cost of Ownership) รวมถึงเชื้อเพลิง ค่าบำรุงรักษา และความน่าเชื่อถือของแบรนด์
ปัจจัยด้านการใช้งานในสภาพอากาศและภูมิประเทศ
แบตเตอรี่ของ PHEV จะถูกออกแบบให้สำรองไฟไว้ 20-30% เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ แต่การใช้งานในประเทศไทยที่มีฝนตกและน้ำท่วมบ่อย อาจส่งผลต่อการใช้งานและความทนทานของแบตเตอรี่ในระยะยาว โดยเฉพาะถ้าเกิดน้ำขังในจุดต่างๆของตัวรถ
รถยนต์จากญี่ปุ่นอย่าง Toyota และ Honda ยังไม่เจอปัญหานี้มากนัก ส่วนแรกเริ่มที่มีปัญหานี้ เช่น Nissan EV EP ก็แก้ไขได้แล้ว
ราคาขายต่อและความเชื่อมั่นในตลาดมือสอง
ราคาขายต่อต่ำเป็นอีกข้อกังวลของผู้ซื้อ PHEV โดยเฉพาะค่ายจีน แม้รถ Hybrid ของญี่ปุ่นจะมีราคาขายต่อที่แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา เพราะผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจในเทคโนโลยีและการดูแลรักษาง่าย สามารถซ่อมแซมและเปลี่ยนเซลล์แบตเตอรี่ทีละชิ้นไม่ต้องเปลี่ยนทั้งแพ็คในราคาสูง
แต่รถ PHEV ค่ายจีนยังไม่ชี้แจงข้อมูลให้ผู้บริโภครับทราบในเรื่องนี้ จึงทำให้เกิดความกังวลและขาดความเชื่อมั่นในตลาดนี้
บทสรุป
สาเหตุที่ทำให้รถ PHEV ปลั๊กอินไฮบริดค่ายจีนยังไม่ปังในไทย คือความไม่มั่นใจในเครื่องยนต์จีน ราคาส่วนต่างที่ไม่มากเมื่อเทียบกับ EV ล้วนที่ดูแลง่ายกว่า ปัญหาด้านแบรนด์และบริการหลังการขาย รวมถึงราคาขายต่อในตลาดมือสองที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้ตลาดนี้เติบโตช้า ขณะที่คนไทยมักเลือกซื้อ Hybrid จากญี่ปุ่น และ EV ล้วนจากค่ายจีนมากกว่า
เพื่อนๆคิดเห็นอย่างไรสามารถแสดงความเห็นได้ที่คอมเมนต์ด้านล่างเลยนะครับ
หากชอบคลิปนี้สามารถดูได้ทางด้านล่างนี้ ขอฝาก กด LIKE กด SHARE กด SUBSCRIBE ที่ช่องของพวกเราด้วยนะครับ
📣 สนับสนุน Welldone Guarantee
⚡ สนใจเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า 🚘
- มาเรียนรู้คอร์สพื้นฐานและโอกาสทางธุรกิจในยุค EV ได้เลย!
 - สำหรับผู้ที่อยากรู้เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าและอยากต่อยอดธุรกิจ
 - 🚀 อย่ารอช้า! รอบต่อไป 15 พ.ย. นี้
 - evguarantee.net/ev-basics-course/
 - 👉 ไลน์ @welldone.guarantee (มีแอดด้วยนะ)
 - หรือคลิกเลย Link: lin.ee/Hk3XVIi
 - #รถยนต์ไฟฟ้า #EV #ธุรกิจยุคEV #DoctorEV #DrEV
 
