พลังงานแสงอาทิตย์และแบตเตอรี่ครองตลาดไฟฟ้าสหรัฐฯ
รายงาน “Electric Power Monthly” ล่าสุดจาก US Energy Information Administration (EIA) พร้อมข้อมูลถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2025 ยืนยันว่า Solar เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่เติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐฯ ตามด้วย Battery Storage ในขณะที่แหล่งพลังงานจากฟอสซิลและนิวเคลียร์อยู่ในช่วงชะลอตัว
สถิติการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์และการเปรียบเทียบ
ในเดือนสิงหาคม 2025 การผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ขนาดใหญ่ (utility-scale solar) เพิ่มขึ้น 29.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2024 ขณะที่โซลาร์ขนาดเล็ก (small-scale เช่น โซลาร์บนหลังคา) เพิ่มขึ้น 10.8% รวมทั้งสองประเภทเพิ่มขึ้น 24.7% และครองส่วนแบ่งการผลิตไฟฟ้าของสหรัฐฯ ถึง 9.5% จาก 7.6% ในปีที่แล้ว
ในช่วงแปดเดือนแรกของปี 2025 โซลาร์เซลล์ทั้งระบบขนาดใหญ่และเล็กขยายตัว 28.8% และผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 8.9% (ระบบขนาดใหญ่ 6.7% และเล็ก 2.2%) ของไฟฟ้าทั้งหมดในสหรัฐฯ สูงขึ้นจาก 7.1% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานโซลาร์มากกว่าพลังงานจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำของสหรัฐฯ ที่อยู่ที่ 5.6% เกินกว่า 58% รวมถึงในเดือนสิงหาคม พลังงานโซลาร์ผลิตไฟฟ้าสูงกว่าพลังงานน้ำมากกว่าเท่าตัวและยังเกินกว่าพลังงานจากไบโอแมสและพลังงานความร้อนใต้พิภพรวมกันด้วย
โซลาร์ชนะลมและรวมกับพลังงานลมครองส่วนแบ่งมากขึ้น
สำหรับเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม utility-scale solar สร้างไฟฟ้าได้มากกว่าฟาร์มลมในสหรัฐฯ โดยเพิ่มขึ้น 4% และ 15% ตามลำดับ รวมถึงระบบขนาดเล็กทำให้โซลาร์ชนะลมติดต่อกัน 4 เดือนและสูงกว่าประมาณ 50% ในเดือนสิงหาคม
โดยใน 8 เดือนแรกของปี 2025 การผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมในสหรัฐฯ อยู่ที่ 10.2% ของทั้งหมด เพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนและสูงกว่าพลังงานน้ำถึง 80%
รวมกันระหว่างพลังงานลมและโซลาร์ให้ไฟฟ้าถึง 19.1% ของทั้งประเทศ เพิ่มจาก 17.2% ในปี 2024 และมากกว่าไฟฟ้าจากถ่านหินถึง 16.2% และมากกว่าพลังงานนิวเคลียร์ 11.7% โดยไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ลดลงเล็กน้อย 0.7% ตามการขยายตัวของลมและโซลาร์
สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนและการเปลี่ยนแปลงในตลาดพลังงาน
พลังงานหมุนเวียนรวม (ลม, โซลาร์, น้ำ, ไบโอแมส, ความร้อนใต้พิภพ) เพิ่มขึ้น 9.0% ในช่วง 8 เดือนแรกของ 2025 และผลิตไฟฟ้าครอบคลุม 26.1% ของทั้งหมด สูงขึ้นจาก 24.5% ในปีที่แล้ว ขณะที่ไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติลดลงประมาณ 4.1%
ความก้าวหน้าการเพิ่มกำลังผลิตโซลาร์และแบตเตอรี่
ระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2024 ถึง 31 สิงหาคม 2025 กำลังผลิตโซลาร์ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น 31,706.5 MW และโซลาร์ขนาดเล็กเพิ่มอีก 5,718.1 MW โดย EIA คาดว่าจะเพิ่มกำลังผลิต utility-scale solar อีก 34,325.8 MW ภายใน 12 เดือนข้างหน้า
ในส่วนของ battery storage เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 63.9% เพิ่มกำลังผลิต 13,377.5 MW โดยในเดือนตุลาคม 2024 battery storage แซงหน้าความจุมากกว่าพลังงานน้ำแบบปั๊มเก็บ (PHS) และปัจจุบันมีความจุมากกว่า PHS ถึง 50% โดยมีแผนเพิ่มอีก 20,179.8 MW ในปีหน้า
ส่วนพลังงานลมเพิ่มกำลังผลิต 4,791.9 MW และมีแผนเพิ่มอีก 9,650.1 MW ในปีข้างหน้า ขณะที่ก๊าซธรรมชาติเพิ่มเพียง 3,337.7 MW และพลังงานนิวเคลียร์เพิ่มแค่ 46.0 MW ในขณะที่ถ่านหินลดลง 4,185.1 MW และน้ำมันเชื้อเพลิงลด 658.7 MW
รวมแล้วในปีที่ผ่านมา กำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนซึ่งรวมทั้งแบตเตอรี่และโซลาร์ขนาดเล็ก เพิ่มขึ้นมากถึง 55,419.6 MW ในขณะที่ฟอสซิลและนิวเคลียร์ลดลงรวมกัน 1,486.3 MW
สรุปและมุมมองทิศทางพลังงานในอนาคต
Ken Bossong ผู้อำนวยการบริหาร SUN DAY Campaign ระบุว่ารัฐบาลในสมัย Trump และผู้สนับสนุนในสภาคองเกรสอาจทำให้การเติบโตของพลังงานหมุนเวียนชะลอตัวได้บ้าง แต่ข้อมูลจาก EIA ยืนยันแนวโน้มที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คือการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานแสงอาทิตย์, ลม, พลังงานหมุนเวียนอื่นๆ และการเก็บพลังงานยังคงดำเนินต่อและเร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจน
ชวนผู้อ่านคิดและเตรียมตัวสู่พลังงานโซลาร์
สำหรับคนที่สนใจติดตั้งโซลาร์ ตอนนี้ถือเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดเพราะเครดิตภาษีโซลาร์ระดับ 30% ของรัฐบาลกลางกำลังจะสิ้นสุด ผู้ใช้สามารถหาผู้ติดตั้ง Solar ที่เชื่อถือได้และราคาดีจากบริการ EnergySage ที่รวบรวมผู้ให้บริการล่วงหน้าไว้มากมาย ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายประมาณ 20-30% พร้อมคำปรึกษาแบบมืออาชีพและไม่มีการโทรเสนอขายจนกว่าจะเลือกติดตั้ง
นี่คือเวลาที่ควรดูแลโลกใบนี้ด้วยพลังงานสะอาดและมีประสิทธิภาพที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และการเปลี่ยนผ่านพลังงานธรรมชาติกำลังเป็นจริงแล้ว
ติดตาม Welldone Guarantee เพื่ออัปเดต EV และพลังงานสะอาดแบบเข้าใจง่าย ถ้าชอบบทความนี้ ช่วยกดแชร์และพูดคุยความเห็นของคุณไว้ได้เลย
