เมื่อกล่าวถึงผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นจำนวนมากที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลกก็คือ ประเทศจีน ที่มีสัดส่วนของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าจากจำนวน 100% จะอยู่ที่ 30% นับจากจำนวนรถยนต์ทั้งหมดในประเทศจีน
ซึ่งในตอนนี้ประเทศจีนเป็นผู้ส่งออกรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดของโลกและถือครองแบรนด์อยู่ที่หลัก 10 – 100 แบรนด์ แต่มีความเห็นในเรื่องของจำนวนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่มีอยู่เพียง 30% ตามหลักการแล้วควรจะมีการเติบโตที่มากกว่าในปัจจุบัน
ในความเป็นจริงการที่จะตัดสินใจใช้รถยนต์ไฟฟ้าผู้คิดจะใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังมีความไม่มั่นใจในเรื่อง อาทิ สถานีชาร์จเร็วที่มีอยู่อย่างจำกัด, ระยะทางในการวิ่งยังไม่ตอบโจทย์เพราะประเทศจีนมีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นในเรื่องของแบตเตอรี่, ระยะเวลาในการชาร์จที่ใช้เวลานานกว่าเมื่อเทียบกับการเติมน้ำมันรถยนต์
เมื่อกล่าวถึงสถานีชาร์จแล้วในปี 2023 มีสถานีชาร์จอยู่ที่ 2.7 ล้านแห่งจากข้อมูลของ China Electric Vehicle Charging Infrastructure Promotion Alliance หรือ
ผู้ประกอบการสถานีชาร์จทั้งหมดของประเทศจีน ภายในปีนี้มียอดรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นและจะทำให้มีสถานีชาร์จเพิ่มมากขึ้นอีก 40% แต่มีบางสถานีเท่านั้นที่รองรับการชาร์จแบบความเร็วสูง
และหากเทียบกันแล้วสถานีชาร์จมีจำนวนไม่เพียงพอเท่ากับจำนวนรถยนต์ไฟฟ้า 30% เป็นสาเหตุให้หลายค่ายมองถึงข้อจำกัด อาทิ แบตเตอรี่, สถานีชาร์จมีจำนวนน้อย และระยะเวลาในการชาร์จ ในขณะนี้กำลังมีการเร่งแก้ไขอยู่จะมองจากการในปีก่อนหน้าเริ่มมีการทำสถานี Fast Charge หรือ สถานีชาร์จเร็ว และในจากบางที่เรียกว่า DC Ultra Fast Charger
มีหลายแบรนด์ที่เริ่มทำออกมาเพื่อให้มีตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีการเติบโตเพิ่มขึ้น
สถานี Fast Charge
1. Huawei
เมื่อกล่าวถึงแบรนด์นี้คิดถึง พวก Inverterโซล่าติดตามบ้าน, มือถือ รวมถึงอุปกรณ์ Gadget IT ซึ่งในตอนนี้ทาง Huawei เข้ามาสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและสถานีชาร์จ มองจากการที่มีเครื่องชาร์จตามบ้านเรือน เพราะทาง Huawei ขึ้นชื่อในเรื่องเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์
และล่าสุดได้ทำสถานีชาร์จความเร็วสูง เรียกว่า Huawei Technologies เป็นสถานีชาร์จที่มีความเร็วในการชาร์จมากกว่าสถานีชาร์จของ Tesla ที่เป็น Supercharge ถึง 2 เท่า
สามารถกล่าวได้ว่าการชาร์จ 1 วินาทีทำให้รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งระยะทางไกลถึง 1 กิโลเมตร โดยตัวเครื่องที่ถูกพัฒนาจาก Huawei Digital Power และจ่ายไฟสูงสุดถึง 600 kW
กับจ่ายไฟอยู่ที่ 615 Amp แรงดัน 1,000 โวลต์ จากการให้เทคโนโลยีระดับนี้จึงทำให้รู้สึกเหมือนการเติมรถยนต์น้ำมัน เพราะการที่จะให้ผู้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นมันยังติดในข้อจำกัดของระยะเวลาในการชาร์จ หากทำลายข้อจำกัดส่วนนี้ได้ก็จะทำให้มีผู้คนสนใจหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น
ซึ่งมีการพัฒนาเรื่องของเทคโนโลยีที่ใช้ในการชาร์จเพราะหัวใจหลักของเครื่อง
Fast Charge คือ ความร้อนจึงต้องมีการระบายความด้วยของเหลวทั้งหมด เริ่มตั้งแต่การแปลงกระแสไฟ AC แปลงเป็น DC แล้วนำเอา DC มาทำการ Step up เพื่อเพิ่มกำลังของการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
ในส่วนระบายความร้อนนี้จะต้องมีของเหลวทั้งหมด แต่ในปัจจุบันมีการระบายความร้อนด้วยอากาศอยู่แล้วต้องกล่าว Huawei ก่อนที่จะมาทำตู้ Ultra Fast Charge ทาง Huawei
ก็ทำอุปกรณ์ที่ใช้กับตู้ชาร์จตามปั๊ม ปตท. อุปกรณ์ภายในเป็นของทาง Huawei แต่ในตอนนี้ก็เข้ามาเป็นผู้ทำตู้ชาร์จเองแล้ว
ซึ่งเครื่องชาร์จรุ่นนี้ที่พัฒนาขึ้นมาถ้าเป็นรถรถยนต์ไฟฟ้าที่มีขนาดแบตเตอรี่ 614 kWh สามารถวิ่งในระยะ 600 กิโลเมตร ต่อ 1 การชาร์จ หากมาชาร์จที่สถานีของทาง Huawei
ความบรรจุ 600 kW ในทางทฤษฎีใช้เวลาอยู่ที่ 8 นาที และจะขึ้นอยู่กับปัจจัยในส่วนของแบตเตอรี่ว่าเหลือมากหรือน้อย ถ้าตัวแบตเตอรี่เหลือก็จะชาร์จเร็วกว่าแล้วยังมีเรื่องในส่วนของอุณหภูมิก็มีผลต่อการชาร์จด้วยเหมือนกัน กล่าวได้ว่าเวลา 8 นาที กับแบตเตอรี่ขนาด 80 kWh
สามารถชาร์จเร็วกว่าของทาง Tesla เพราะชาร์จได้เพียง 250 kW เท่านั้น และสถานีชาร์จของ Tesla ให้บริการแต่รถยนต์ไฟฟ้าของทาง Tesla เท่านั้น ต่างกับสถานีชาร์จของ Huawei
ที่ให้บริการกับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นและทุกแบรนด์
แล้วในปัจจุบันนี้ทาง Huawei เริ่มเข้าไปติดตั้งที่ลานจอดรถยนต์ตามห้างสรรพสินค้าโดยเริ่มจากเมืองเซินเจิ้นเป็นอันดับแรกแล้วจะขยายไปยังจุดต่าง ๆ ทั่วทั้งประเทศ ซึ่งจะคละกับตัวเครื่องชาร์จขนาด 250 kW ในปีนี้ทาง Huawei จะลงทุนให้ถึง 100,000 สถานี ภายในปีนี้
เป็นที่หน้าจับตาในส่วนของการยกระดับ Infrastructure เพื่อที่จะทำให้ผู้คนกล้าที่จะหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
2. Nio
ซึ่งเป็นค่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้การสลับแบตเตอรี่ กล่าวคือ ซื้อรถยนต์จากทาง Nio
แถมแพ็คเกจสลับแบตเตอรี่ ต่อมาทาง Nio เล็งเห็นว่าการใช้ระบบสลับแบตเตอรี่จะสามารถใช้ได้กับเพียงรถยนต์ไฟฟ้าของทาง Nio เท่านั้น
จึงเกิดการหันมาเริ่มทำสถานีชาร์จเพื่อที่รถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายอื่นสามารถเข้ามาใช้บริการได้ โดยการใช้เทคโนโลยี Nio Ultra Fast Charge เป็นเครื่องชาร์จความเร็วสูงขนาด 500 kW ยังเป็นรองกับทาง Huawei ชาร์จความเร็วสูงขนาด 600 kW มีการเปิดใช้งานแล้ว 12 เมือง อาทิ เมืองไหโข่ว, เชินเจิ้น, เซี่ยงไฮ้, ชิงเต่า และพื้นที่ทางหลวงอีก 3 แห่ง
ซึ่งสเปคของเครื่องสามารถจ่ายกระแสไฟขนาด 660 Amp กระแสไฟที่ 1,000 โวลต์ ทำความเข้าใจให้ง่ายคือ ถ้าเอารถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ 10% นำมาชาร์จจาก 10 – 80 ถ้าสถาปัตยกรรม 400 โวลต์ ใช้เวลา 20 นาที แต่เมื่อเป็นสถาปัตยกรรม 800 โวลต์ ใช้เวลาเพียง 12 นาที กล่าวคือทาง Nio มีสถานีสลับแบตเตอรี่และมีการสำรองไฟก็เอามาทำเป็นสถานีชาร์จโดยดึงไฟออกมาขายแล้วให้บริการกับค่ายรถยนต์ไฟฟ้าอื่น ๆ ด้วย ถือว่าการที่ทาง Nio แบบนี้ก็เป็นการทำให้ผู้คนหันมาใช่รถยนต์ไฟฟ้าเพราะมีสถานีชาร์จที่เพิ่มมากขึ้น
3. XPENG
ซึ่งเป็นในค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนและหันมาทำสถานี Ultra Fast Charge เรียกว่า S4 Ultra Fast Charge โดยเริ่มจากสถานีติดตั้งตามแนวเส้นทางหลวง 10 เมืองของประเทศจีน และมีการตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2,000 สถานี ภายในปี 2025 สำหรับเครื่องชาร์จ S4
ซึ่งเครื่องรุ่นนี้มีกำลังจ่ายอยู่ที่ 480 kW จ่ายกระแสไฟสูงสุดถึง 670 แอมป์
มีประสิทธิภาพสูงกว่าสถานี Supercharge เวอร์ชั่น 3 ของทาง Tesla
และตัวระบบ Turbo Supercharger ของพอร์ชที่จ่ายกระแสไฟอยู่ที่ 270 kW อีกด้วย
ในส่วนนี้เมื่อมีหลายค่ายรถยนต์ไฟฟ้าหันออกมาทำสถานีชาร์จแบบนี้มากขึ้นจึงทำให้สถานี Ultra Fast Charge เริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น ซึ่งยังไม่รวมสถานีชาร์จรายใหญ่ อาทิ ELD หรือ Star Charge ที่กำลังติดตั้งเครื่องชาร์จแบบเร็วพิเศษเริ่มทำให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศจีน
ซึ่งจะมองว่าผู้ให้บริการสถานีชาร์จแบบเร็วขึ้นมา อาทิ XPENG, Nio เมื่อมีการให้บริการสถานีชาร์จดังกล่าวจะส่งผลให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าดีขึ้น แต่อีกฝั่งหนึ่งในตัวสถานีชาร์จอินฟาเจอร์รับรองการชาร์จแบบเร็วทั้งหมดแล้วในส่วนของตัวรถยนต์ไฟฟ้าก็ต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถรองรับพลังงานในปริมาณที่สูงได้ สิ่งจะเป็นคอขวดอยู่ก็คือเทคโนโลยีแบตเตอรี่
แล้วทางผู้ผลิตแบตเตอรี่เบอร์ 1 ของโลก CATL ก็ทำการเปิดตัวแบตเตอรี่รุ่นใหม่ขึ้นมาจะเป็นทำให้รถยนต์ไฟฟ้าทะลุข้อกำจัดคือ ชาร์จเร็วกว่ารถยนต์ที่เติมน้ำมันตัวแบตเตอรี่สามารถรองรับแบตเตอรี่ได้ถึง 4 C
ซึ่งตัวแบตเตอรี่นี้เรียกว่า Shen Xing CC เป็นแบตเตอรี่แบบ LFT สามารถบรรจุพลังอยู่ที่ 500 kWh/kg สามารถชาร์จ 10 นาทีวิ่งในระยะทางไกลอยู่ที่ 400 กิโลเมตร จะ Plan เริ่มผลิตในเชิงพาณิชย์ก็ต้องติดตามกันต่อไป นอกจากสถาปัตยกรรมของตัวรถยนต์ไฟฟ้าก็ต้องถูกพัฒนาเหมือนกัน ในส่วนของค่ายรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศจีนยังอยู่ใน Gen ที่ 2 และจะก้าวกระโดดไปยัง Gen ที่ 3
ในส่วนของการแยกแต่ละ Gen โดยเริ่มจาก Gen 1 อาทิ MG ZS EV เป็นนำแพลตฟอร์มรถยนต์น้ำมันมาใส่อุปกรณ์ที่เป็นของรถยนต์ไฟฟ้าเข้าไปมีทั้ง แบตเตอรี่ มอเตอร์ ระบบขับเคลื่อน ใส่เข้าไปในตัวรถยนต์น้ำมันจะให้ความรู้สึกฝืน ๆ และมาถึง Gen ที่ 2 อาทิ MG4
เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกทำขึ้นมาทั้งโครงสร้าง แบตเตอรี่ แพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของการชาร์จ ๆ อยู่ที่ประมาณ 1.5 C ยังเป็นสถาปัตยกรรมเพีบงแค่ 400 โวลต์
ซึ่งส่วนของการชาร์จที่ไม่เร็วเท่าควร คือ แบตเตอรี่ขนาด 600 kWh รองรับการชาร์จอยู่ที่ 80 – 90 kWh หรือ 1.1 – 1.5 kW เมื่อเข้า Gen ที่ 3 ในวันนี้ Infrastructure ผู้ใช้ปบริการชาร์จทำไปถึงความเร็วและดีขึ้นในรุ่น Gen 3 จะพัฒนาการชาร์จไปถึง 800 โวลต์ ก็เป็นเรื่องปกติในส่วนของรถยนต์ Performance อาทิ พอร์ช, ไทรทัน, Tesla รองรับกระแสไฟที่ค่อนข้างสูงของตัวแบตเตอรี่ถึง 4 – 5 เท่าของตัวความจุแบตเตอรี่ จะไปคล้องจองกับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่จะมีมากขึ้นและเป็นระบบชาร์จไฟที่ใช้เวลาเท่าเติมน้ำมันรถยนต์
สรุปว่าการเติมน้ำมันรถยนต์กับการชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าจะใช้เวลาที่เท่ากันโดยมี 3 ปัจจัย 3 หลัก คือ
1. เรื่องเทคโนโลยีสถานีชาร์จที่เป็นแบบ Ultra Fast Charge
2. เรื่องของเทคโนโลยีแบตเตอรี่
3. สถาปัตยกรรมตัวรถยนต์ไฟฟ้าจะใช้เป็น 800 โวลต์ ปกติ
และนี้คือเรื่องราวข่าวสารของรถยนต์ที่ใช้การน้ำมันกับรถยนต์ไฟฟ้าที่จะการมีระบบ Ultra Fast Charge
เพื่อลดระยะเวลาใช้ชาร์จให้เร็วมากขึ้นกว่าการเติมน้ำมันรถยนต์ หากคุณสนใจในเรื่องราวดังกล่าวสามารถรับชมได้ที่คลิปด้านล่าง แล้วถ้าคุณชอบคลิปนี้ขอฝาก กด LIKE กด SHARE กดSUBSCRIBE ที่ช่องของพวกเราด้วยนะครับ
