สรุปไทยมีแร่ลิเทียมแค่ไหน!? ผลิตแบตรถอีวีได้กี่คัน!?ถ้าทำเหมืองต้องแลกกับอะไรบ้าง!? ได้หรือเสีย?

         แร่ลิเทียม (Lithium) เป็นแร่สำคัญที่มีผลทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรม IT Gadget รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ จากการเข้าสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า

         แร่ลิเทียมเป็นแร่เกลือชนิดหนึ่งที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งในตารางธาตุจะอยู่ในกลุ่มหมู่ที่ 1 ได้แก่ ลิเธียม (Li),
โซเดียม (Na,) โพแทสเซียม (K,) ซีเซียม (Cs) และแฟรนเซียม (Fr)

         สาเหตุที่นำแร่ลิเทียมมาใช้ในอุตสาหกรรม IT มาจากคุณสมบัติของแร่ลิเทียมที่มีน้ำหนักเบาและ
สามารถกักเก็บพลังงานได้เป็นอย่างดี จึงนำมาใช้ในการผลิตแบตเตอรี่
         ซึ่งแบตเตอรี่มีการนำมาใช้ตั้งแต่ยุคของมือถือสมาร์ทโฟนเป็นต้นมา ในสมัยก่อนแบตเตอรี่จะเป็นตระกูลนิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ ที่ใช้ในมือถือขาวดำ อาทิ มือถือ Nokia

         แต่ในยุคของมือถือสมาร์ทโฟนที่เปรียบเสมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง สามารถทำงานได้อย่างหลากหลาย และสามารถกักเก็บพลังงานไฟฟ้าสูงขึ้น ตามการใช้แหล่งพลังงานจากแร่ลิเทียมทั้งหมด

         หลังจากนั้นมีการใช้แร่ลิเทียมในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าต้องการ
ตัวรถที่มีน้ำหนักเบา และสามารถวิ่งได้ในระยะทางไกลให้เทียบเท่ากับรถยนต์น้ำมัน

         ดังนั้น แร่ลิเทียมจึงถูกนำมาใช้ในการผลิตแบตเตอรี่อย่างแพร่หลาย อาทิ ลิเธียมไอออนฟอสเฟส (LFP) หรือ ลิเธียมนิกเกิลแมงกานีสโคบอลต์ออกไซด์ (NMC) ที่ใช้ในปัจจุบัน
         โดยในช่วงปี 2021 หรือ ปี 2564 ที่ผ่านมา ราคาของแร่ลิเทียมทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น จากการที่ค่ายรถหันมาผลิต
รถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมาก ประกอบกับในปัจจุบันตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีแข่งขันมากที่สุด

         จากประเด็นในประเทศไทยที่ทางโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า ประเทศไทยมีแหล่งแร่ลิเทียมขนาดใหญ่ปริมาณ
14.8 ล้านตัน เป็นอันดับที่ 3 ของโลก
รองจากประเทศโบลิเวียและประเทศอาร์เจนตินา

         ส่งผลให้คนที่ทราบข่าวดังกล่าว ต่างให้ความสนใจและตื่นเต้นที่ประเทศไทย มีแหล่งแร่สำคัญอย่าง
แร่ลิเทียม จะทำให้เกิดการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ที่ปัจจุบันกระแสของรถยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรง
ถ้าหากประเทศใดมีแหล่งแร่ลิเทียม จะเปรียบเสมือนกับการมีทองคำขาวอยู่ในมือ
         เพราะแร่ลิเทียมมีฉายา คือ ทองคำสีขาว ที่มีค่าเหมือนกับการค้นพบแหล่งน้ำมัน ส่งผลให้ประเทศนั้น
ร่ำรวยมากขึ้นอย่างแน่นอน

 

         แต่ข่าวดังกล่าวไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมด เนื่องจากมีหลายคนออกมาโต้แยงข่าวแหล่งแร่ลิเทียม
         สำหรับการค้นพบแร่ลิเทียมขนาด 14.8 ล้านตัน ที่จังหวัดพังงา เป็นปริมาณสำรองมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก น่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างมาก โดยมีการอ้างอิงข้อมูลจาก อ.ลอย ชุนพงษ์ทอง และ ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์

         แร่ลิเทียมจะไม่ใช่ลิเทียมบริสุทธ์ที่จะนำมาใช้ในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า หรือแบตเตอรี่มือถือสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์มือถือต่าง ๆ
         การนำมาใช้จะต้องนำแร่ลิเทียมมาสกัดแยกออกมา ซึ่งขั้นตอนการคัดแยก จะต้องนำแร่ลิเทียมมาแยกเป็นลิเทียมออกไซด์ก่อน หลังจากนั้นจะนำลิเทียมออกไซด์มาสกัดเป็นลิเทียมบริสุทธิ์

         สำหรับขั้นตอนในประเทศไทยที่นำแร่ลิเทียมมาสกัดเป็นลิเทียมออกไซด์ออกมาก่อน สามารถนำมาใช้งานได้จริงเพียงแค่ 0.45% เมื่อนำมาคูณกับ 14.8 ล้านตัน จะได้ปริมาณลิเทียมออกไซด์ในเฟสแรกที่จะมาทำเป็นลิเทียมบริสุทธิ์อยู่ที่ 66,600 ตัน

         หลังจากนั้นจะนำลิเทียมออกไซด์มาแยกเป็นลิเทียมบริสุทธิ์ ซึ่งสูตรในการคำนวณ คือ นำค่า 14 ล้านตัน
หารด้วยค่า 30 และนำมาคูณกับค่า 66,600 ตัน จะได้ตัวเลขอยู่ที่ 31,080 ตัน โดยการคำนวณตัวเลข จะยังไม่รวม
ค่าการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการคัดแยกแร่ลิเทียม

         กระบวนการขั้นตอนของประเทศไทย จะมีความแตกต่างจากประเทศชิลีและประเทศออสเตรเลีย
ที่ใช้วิธีจากการดูดน้ำทะเล นำมาตากแห้ง แต่ของประเทศไทยแหล่งแร่ลิเทียมจะอยู่ในชั้นเหมืองหินลึกลงไป
ทั้งนี้ สุดท้ายประเทศไทยมีปริมาณลิเทียมบริสุทธิ์อยู่ที่ 31,080 ตัน

         เมื่อเทียบกับอันดับทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยไม่ติด 1 ใน 10 อันดับ โดยมีประเทศที่มีแหล่งลิเทียมจำนวนมาก คือ
            ประเทศโบลิเวีย มีลิเทียมจำนวนอยู่ที่ 21 ล้านตัน
            ประเทศอาร์เจนตินา มีลิเทียมจำนวนอยู่ที่ 20 ล้านตัน
            ประเทศสหรัฐอเมริกา มีลิเทียมจำนวนอยู่ที่ 12 ล้านตัน
            ประเทศชิลี มีลิเทียมจำนวนอยู่ที่ 11 ล้านตัน
         จะเป็นค่าที่ตีจากการคำนวณแร่ลิเทียมที่สามารถนำมาผลิตแบตเตอรี่ หรือแบตเตอรี่บริสุทธิ์ ถึงจะนับว่าเป็นแหล่งสำรองลิเทียมจริง

         สำหรับการใช้แร่ลิเทียมบริสุทธิ์มาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หากเปรียบเทียบการผลิตรถ Tesla Model S
จะใช้แร่ลิเทียมบริสุทธิปริมาณอยู่ที่ 8,000 ตัน ต่อการผลิตรถจำนวน 1 ล้านตัน

         ดังนั้น ประเทศไทยที่มีแร่ลิเทียมบริสุทธิ์จำนวน 31,080 ตัน จะสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ
3.8 ล้านคัน ซึ่งข้อมูลในการคำนวณอ้างอิงมาจากวิศวกรเหมืองแร่

         ย้อนกลับไปในปี 2021 มีหลายประเทศที่ทำเหมืองแร่ผลิตลิเทียมออกมา ซึ่งทั้งปีสามารถผลิตลิเทียมบริสุทธิ์ปริมาณอยู่ที่ 1 แสนตัน เป็นปริมาณที่เพียงพอต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 11 ล้านคัน
         ในปีก่อนหน้ามีการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 10 ล้านคัน ทำให้มีการใช้แร่ลิเทียมจำนวนทั้งหมดที่
ผลิตออกมาได้ที่ 1 แสนตัน
         รวมทั้งในปี 2024 กระแสของรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามจำนวนคันที่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการใช้แร่ลิเทียมจำนวนมากตามไปด้วย

         สุดท้ายสำหรับเหมืองแร่ลิเทียมในประเทศไทยที่มีอยู่จริง แต่ปริมาณแร่ลิเทียมสำรองจะไม่อยู่ในอันดับที่ 3
ของโลก ส่วนจำนวนแร่ลิเทียมบริสุทธิ์ 31,080 ตัน จะสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนถึง 3.8 ล้านคันโดยเฉลี่ย
ถือว่าเป็นจำนวนที่น่าพอใจ
         การที่ประเทศไทยมีแหล่งแร่สำคัญเป็นเครื่องมือต่อรอง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะต้องใช้
แร่ลิเทียมจำนวนมาก เมื่อดูจากการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า ยังคงมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจะเหมือนกับการกุมอำนาจอย่างประเทศที่มีแหล่งน้ำมัน ที่มีอำนาจต่อรองในยุคของการใช้รถยนต์น้ำมัน

         ต่อมาจะกล่าวถึงการนำแร่ลิเทียมมาการผลิตแบตเตอรี่ โดยนำมาสกัดเป็นลิเทียมออกไซด์ และมาทำ
ลิเทียมบริสุทธิ์ เพื่อนำมาผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งขั้นตอนการผลิตมีการกล่าวถึงการทำลายสิ่งแวดล้อมค่อนข้างมาก รถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่พลังงานสะอาด จากการทำเหมืองลิเทียม

การสกัดแร่ลิเทียมมีทั้งหมด 2 ประเภท

1. การสกัดด้วยน้ำเกลือ

         มีการใช้วิธีนี้ในประเทศออสเตรเลีย และประเทศชิลี โดยทำการดึงน้ำที่มีเกลือลิเทียม ซึ่งอาจจะอยูในน้ำทะเล หรือใต้ชั้นดิน ซึ่งประเทศที่มีน้ำทะเล จะสูบน้ำขึ้นมาวางตากมาทำเป็นบ่อเกลือ ให้น้ำระเหย จนเหลือเกลือทิ้งไว้บน
หน้าผิวดิน หลังจากนั้นจะทำการแซะเอาหน้าผิวดินออกมากองรวมกัน ขนไปที่โรงคัดแยกลิเทียมออกไซด์และ
คัดแยกให้เป็นลิเทียมบริสุทธิ์

         ส่วนถ้าอยู่ในชั้นใต้ดิน จะทำการสูบน้ำบริสุทธิ์ หรือน้ำทะเล เข้าลงไปใต้ดิน ซึ่งจะใช้ปริมาณน้ำเป็นจำนวน
ล้านแกลลอน
เพื่อให้เกลือลิเทียมที่อยู่ใต้ดินผสมกับน้ำ หลังจากนั้นจะทำการสูบขึ้นมา นำมาตากแดด
จนได้เกลือลิเทียมออกมา

         ข้อดี ต้นทุนราคาถูก
         ข้อเสีย ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นน้ำที่ถูกนำมาใช้ในปริมาณมาก ส่งผลให้บริเวณโดยรอบ
เกิดความแห้งแล้ง ส่วนน้ำที่ทิ้งออกมา ไม่สามารถนำมาบริโภค ทำการเพาะปลูก และเลี้ยงสัตว์ จะต้องทำการสกัด
นำมาบำบัดก่อน ถึงจะนำมาใช้ได้ เพราะน้ำมีการปนเปื้อนจากเกลือลิเทียม หากบริโภคจะเกิดอันตราย

2. การสกัดจากเหมืองหิน

         กระบวนการแยกลิเทียมออกมาเรียกว่า การสกัดฮาร์ดร็อค คือ การนำลิเทียมที่อยู่ในชั้นหินทั้งหลาย

         ยกตัวอย่างในประเทศไทย ที่ใช้การทำเหมืองที่ด้านใน จะมีลิเทียมเพียงแค่ 0.45% ซึ่งการสกัดฮาร์ดร็อค
จะนำหินที่ขุดเปิดหน้าดินขึ้นมา ทำการบดละเอียดและจะทำการสกัดลิเทียมออกมา

         ซึ่งการสกัดจะมีทั้งหมด 2 แบบ คือ
             2.1 การคั่วด้วยกรด จะนำเข้าเครื่องคั่ว โดยใช้กรด จนได้ลิเทียมไฮดรอกไซด์ออกมากับกรดที่เป็น
โซเดียมซัลเฟต
ที่ใช้ไม่ได้ ซึ่งจะต้องนำมากำจัดทิ้งอย่างดี

             2.2 การแยกลิเทียมโดยการสกัดด้วยเคมี จะได้ลิเทียมไฮดรอกไซด์กับลิเธียมคาร์บอเนตออกมา
หลังจากนั้นนำทั้ง 2 อย่าง มาทำการแยกเป็นลิเทียมบริสุทธิ์

         ข้อดี ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จะน้อยกว่าการใช้น้ำทะเล
         ข้อเสีย การลงทุนเครื่องจักร เนื่องจากกระบวนการที่ค่อนข้างมีความเฉพาะและมีความซับซ้อน
รวมทั้งการกำจัดของเสีย จะได้สารเคมีที่จะต้องมีการควบคุม และกำจัดทิ้งอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธรรมชาติ สิ่งปลูกสร้าง อาหาร และสัตว์เลี้ยง

         สรุป สำหรับการที่ประเทศไทยค้นพบแร่สำคัญทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและมือถือ
คือ แร่ลิเทียม ที่เอามาใช้ในการผลิตแบตเตอรี่เก็บกักพลังงาน จะต้องบอกว่าเป็นเรื่องทีน่าดีใจ
        ถึงแม้ว่าจำนวนแร่ลิเทียม จะมีปริมาณไม่มาก แต่ถือว่าเป็นแร่สำคัญที่มีบทบาทต่ออนาคตข้างหน้า
สิ่งที่เราอาจจะต้องมองหลังจากนี้ คือ เรื่องของการจัดสรรการใช้ทรัพยากร เนื่องจากขั้นตอนการแยกลิเทียมออกมา มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงต้องหาวิธีบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้นย่อมมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น จึงต้องหาวิธีการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกฝ่าย

         และนี้ก็คือเรื่องราวของการค้นพบแร่ลิเทียมในประเทศไทย ที่คุณสามารถรับชมได้จากคลิปด้านล่าง
และถ้าหากคุณชอบคลิปนี้ขอฝาก กด LIKE กด SHARE กด SUBSCRIBE ที่ช่องของพวกเราด้วยนะครับ

Share

FOLLOW US


WELLDONE GUARANTEE

452 Pecthkraseam Rd. Laksong Bangkhae, Bangkok 10160
Email : welldone.guarantee@gmail.com Tel. 0889415944

Copyright © 2022 EV GUARANTEE All rights reserved.