เมื่อกล่าวถึงตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ในขณะนี้ถือว่าเป็นกระแสหลักของโลก ซึ่งหลายประเทศหันมาผลิต
รถยนต์ไฟฟ้า โดยมีทั้งค่ายรถยนต์น้ำมันที่เริ่มมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและค่ายรถยนต์ใหม่ที่เกิดขึ้นมาเป็นผู้ผลิต
รถยนต์ไฟฟ้า และล่าสุดเกิดรถยนต์ไฟฟ้าสายพันธุ์ใหม่ คือ อุตสาหกรรมอื่นที่เริ่มหันมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมด้าน IT หรืออุตสาหกรรมมือถือ Gadget อาทิ Xiaomi
ซึ่ง Xiaomi เป็นที่รู้จักกันว่าสร้างอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า, Gadget มือถือ สื่อถึงการที่ Xiaomi สร้างอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในราคาที่ดีและมีเทคโนโลยีที่เหมาะสม
เมื่อวัน 28 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทาง Xiaomi ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ ทำการเปิดตัว
รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นแบรนด์ของทาง Xiaomi ครั้งแรกอย่างเป็นทางการมีชื่อว่า Xiaomi SU7 เป็นรถเก๋งซีดานไซส์
D Segment เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100 % โดยคำว่า SU ย่อมาจาก Speed Ultra สื่อได้ถึงว่าตัวรถยนต์มีความเร็วเทียบเท่ากับรถยนต์ Hypercar รวมทั้งการออกแบบสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คน
ซึ่งนาย LIE JUN ดำรงตำแหน่ง CEO ของทาง Xiaomi อธิบายไว้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าของทางแบรนด์เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี โดยเฉพาะมอเตอร์ไฟฟ้าทางแบรนด์ใช้แบบซุปเปอร์มอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้อัตราเร่งและมีความเร็วของรถยนต์ที่สูงกว่า อาทิ Porsche และ Tesla
รวมทั้งทางนาย LIE JUN มองเรื่องของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในส่วนของประเทศจีนที่มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
อยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลก มีจำนวนยอดจดทะเบียนสูงกว่า 6 ล้านคัน ในขณะนี้ประเทศจีนกำลังประสบปัญหา
เรื่องของความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่น้อยลง แต่มีค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น แต่กำลังซื้อเริ่มถดถอยลง
ทาง Xiaomi กำลังก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงเวลานี้ เล็งเห็นว่าการทำรถ SUV Crossover
จำหน่ายในราคาท้องตลาดที่ผู้บริโภคเข้าถึงแทนที่รถยนต์น้ำมันมีความเป็นไปได้ยาก จึงมีแนวความคิดที่ใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ดี เพื่อทำการยกระดับให้เป็น Hypercar ของรถยนต์ไฟฟ้า
ประกอบกับมีการตั้งเป้าหมายในอนาคตอีก 15 – 20 ปี ข้างหน้าทาง Xiaomi จะกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าติดอันดับ 5 Top Five ของโลกโดยการใช้นวัตกรรมที่ทาง Xiaomi มีทั้งหมด
ซึ่ง Xiaomi SU7 ที่หลายคนการคาดการณ์ว่า จะมีฐานลูกค้าจากผู้ที่ใช้อุปกรณ์ของทาง Xiaomi
เพราะตัวรถยนต์ใช้ระบบปฏิบัติการเดียวกันกับสมาร์ทโฟนของทาง Xiaomi ฉะนั้นเวลาส่งต่อข้อมูลรถยนต์กับบุคคล
เครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนบุคคล หรือบ้าน สามารถส่งต่อข้อมูลได้แบบอย่างไร้รอยต่อ ถือว่าเป็นข้อดีที่ทาง Xiaomi
นำมาทำ เนื่องจากมีอาณาจักรเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอยู่แล้ว จะเหลือเพียงแค่นำมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า
หากมีรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาจะเป็นการเติมเต็มให้ครบวงจรทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน
ทางนาย BILL RUSSO ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Automobility Ltd บริษัทที่ปรึกษาเซี่ยงไฮ้
กล่าวว่าทาง Xiaomi เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนที่มีการวางรากฐานมาอย่างดีและมีฐานลูกค้า
แบรนด์ Xiaomi เป็นจำนวนหลายล้านคน
ซึ่งมีโอกาสสูงที่เมื่อทางแบรนด์เข้ามาทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ฐานลูกค้าเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเปิดใจรับ
แบรนด์ใหม่ง่ายมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องหาแบรนด์น้องใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักมาทำตลาด ซึ่งนี้คือแบรนด์ที่รู้จักอยู่แล้ว
จึงเป็นแต้มต่อทางด้านความเชื่อมั่นในแบรนด์มีอยู่แล้ว
และตอนนี้รถยนต์ไฟฟ้าใช้เทคโนโลยีชั้นสูงทำให้มีความอัจฉริยะมากขึ้น คาดว่าสามารถดึงดูดลูกค้า
Premium Customer ของแบรนด์ Xiaomi ง่ายขึ้น กล่าวคือทาง Xiaomi กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสายพันธุ์ใหม่ เพราะผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า จะมีความสามารถในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว และผู้ผลิตรถยนต์น้ำมัน
แล้วหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะมีมุ่งมองอีกแบบหนึ่ง
ทางนาย LIE JUN ที่ก้าวจากผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ามาเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แสดงให้เห็นมุ่งมองแบบใหม่
และสามารถตอบโจทย์กับผู้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า
ประวัติของบริษัท Xiaomi
Xiaomi เป็นบริษัทก่อตั้งขึ้นในนาม Xiaomi Corporation ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สัญชาติจีน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2010 เมื่อรวมระยะเวลาถึงปัจจุบันอยู่ที่ 14 ปี มีผู้บริหาร คือ นาย LIE JUN ซึ่งบริษัทเริ่มต้นจากการจำหน่ายสมาร์ทโฟนที่มีราคาสามารถเข้าถึงได้ง่าย เป็นที่นิยมจากการจำหน่ายแบบออนไลน์ สมาร์ทโฟนของ Xiaomi
สเปคเครื่องดีและมีราคาที่เข้าถึงง่าย
ต่อมาเริ่มแตกไลน์เป็นอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ภายในบ้านเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต อาทิ ทีวี, อุปกรณ์เสริม
และมาเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อาทิ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น, พัดลม และเครื่องฟอกอากาศ ในประเทศไทยใช้อุปกรณ์ของ Xiaomi เป็นจำนวนมาก อุปกรณ์ทุกชิ้นมีการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นของ Xiaomi ทั้งหมด
ซึ่งสามารถควบคุมผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นจุดขายที่อุปกรณ์ทั้งหมดมี IOT ฝังอยู่เป็น DNA ของ Xiaomi
มีราคาที่ถูก เทคโนโลยีและสเปคที่ดี รวมถึงสามารถเชื่อมต่อกับ IOT ทั้งหมด
ซึ่งปัจจุบันทาง Xiaomi เป็นบริษัทที่ติดอันดับอยู่ใน Fortune 500 โดยอยู่ที่อันดับ 468 หากมองด้านธุรกิจ
ของ Xiaomi จะมีความใกล้เคียงกับอีกบริษัทหนึ่งของประเทศจีน คือ Huawei จัดอยู่ในประเภทอุตสาหกรรม
เครื่องสื่อสาร หรืออุตสาหกรรม ICT มีความคล้ายคลึงกัน ในช่วงหลังทาง Xiaomi มีการทำตลาดในต่างประเทศ
สูงขึ้น โดยเฉพาะมือถือและพอมีฐานลูกค้าที่รองรับจึงขยาย Product ในรูปแบบอื่น ๆ ออกมา เหตุผลที่ Xiaomi ผลิตสินค้าออกมาในราคาที่ถูกและนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญที่มีผู้คนต่างยอมรับในแบรนด์ Xiaomi มาใช้ในบ้าน
เพราะทาง Xiaomi มีพันธมิตรอยู่เป็นจำนวนมาก
สินค้าของ Xiaomi แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
1. Xiaomi เป็นผู้ทำธุรกิจเองตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ในส่วนของที่เป็นอุตสาหกรรมหลักของ
ทางแบรนด์ อาทิ การผลิตสมาร์ทโฟน, แล็ปท็อป, สายรัดข้อมืออัจฉริยะ จึงเป็นเหตุในด้านราคาที่สามารถทำราคาของสินค้าในราคาที่ถูก
2. ส่วนอุตสาหกรรมที่ทาง Xiaomi ไม่สามารถผลิตได้เอง จะมีการพึ่งพาพันธมิตรให้เป็นผู้ผลิตแทน
ซึ่งสินค้าเหล่านี้ถูกผลิตในกลุ่มที่เรียกว่า Xiaomi Ecological Chain Companies
เมื่อบริษัท Xiaomi ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและมีเงินขึ้นมาจะทำการ Funding มอบเงินทุนกับ
บริษัท Startup ที่เป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีอุปกรณ์ของใช้ภายในบ้านและนอกจากเงินลงทุนทาง Xiaomi
ยังมอบเทคโนโลยีให้ Know How รวมถึงการมอบทรัพยากร โดยมีเงื่อนไขที่ต้องเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น
ของทาง Xiaomi ต้องผ่านมาตรฐาน Xiaomi โมเดล
เรื่องของการดีไซส์, คุณภาพและการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น หลังจากที่ทำสำเร็จต้นทุนดี ทาง Xiaomi
จะนำออกไปจัดจำหน่ายตามช่องทางจัดจำหน่ายที่ทาง Xiaomi มีทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันทาง Xiaomi ร่วมลงทุนกับ
บริษัท Startup จนบริษัทเหล่านี้เติบโตขึ้นมาเป็นจำนวนมากถึง 100 บริษัท
กล่าวถึงรถยนต์ไฟฟ้าทาง Xiaomi คือ Xiaomi SU7 (Speed Ultra 7) รถเก๋งซีดานไฟฟ้าที่มีสมรรถนะ
เทียบเท่ากับ Supercar หรือ Hypercar โดยรุ่นนี้มีสีทั้งหมด 3 สี คือ Aqua Blue, Mineral Gray และ
Vendant Green
มีอัตราเร่งเครื่องเทียบเท่ากับ Supercar คือ อัตราเร่ง 0 – 100 อยู่ที่ 2.78 วินาที มีความเร็วกว่ารถรุ่น
Triton️ Turbo และสามารถวิ่งได้ในระยะทางไกลถึง 800 กิโลเมตร ต่อ 1 การชาร์จ โดยยังไม่มีการระบุว่าเป็นมาตรฐานของอะไร
แบตเตอรี่มีขนาดความจุอยู่ที่ 101 kWh และ Xiaomi SU7 มี 2 รุ่นย่อยให้เลือก คือ รุ่นเริ่มต้นเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลัง Rear-Wheel Drive (RWD) ส่วนรุ่น Top เป็นระบบขับเลื่อน All-Wheel Drive (AWD)
ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุดที่ 673 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 838 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดที่ 265 กิโลเมตร / ชั่วโมง เป็นสเปคที่น่าสนใจสำหรับ Hypercar ซึ่งยกระดับรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าธรรมดาแทนที่รถยนต์น้ำมัน
รุ่นนี้เป็น Hypercar
หัวใจสำคัญของ Xiaomi SU7 (Speed Ultra 7)
1. มอเตอร์ไฟฟ้าหรือซุปเปอร์มอเตอร์ไฟฟ้า
ทาง Xiaomi มีการเปิดตัวมอเตอร์ไฟฟ้าเรียกว่า Hyper Engine มีจำนวน 2 รุ่น ที่นำมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า
รุ่นนี้ คือ
1. Hyper Engine V6 มีความเร็วรอบมอเตอร์สูงสุดที่ 21,000 รอบ / 1 นาที
2. Hyper Engine V8s มีกำลังขับเคลื่อนอยู่ที่ 425 kW มีความเร็วรอบมอเตอร์สูงสุดที่
27,200 รอบ / 1 นาที ทั้ง 2 รุ่นนี้ อยู่ขั้นตอนการกระจายเพื่อผลิตเป็นจำนวนมาก นำมาจำหน่ายในรถรุ่น Premium เป็นอันดับแรก และยังมีรุ่นหลังที่จะผลิตตามมาหลังปี 2025 เป็นต้นไปทาง Xiaomi จะผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าออกมาจำหน่าย ซึ่งเป็นมอเตอร์สมรรถนะสูง มีความเร็วรอบมอเตอร์สูงสุดถึง 35,000 รอบ / นาที
2. แบตเตอรี่
เป็นแบตเตอรี่ที่พัฒนาร่วมกันกับ CATL เทคโนโลยี Cell to Body หรือ CTB Integrate Battery Technology
แบตเตอรี่มีความสูงตัวห้องโดยสารอยู่ที่ 12 เซนติเมตร หรือ 120 มิลลิเมตร จะไม่ต้องมีความกังวลเมื่อตัวรถยนต์ต่ำลงและใต้ท้องรถจะลงมา จนมีโอกาสที่จะกระแทกกับพื้น ประกอบกับสามารถลดจำนวนการใช้สายไฟในแบตเตอรี่
ถึง 91 % รวมทั้งช่องว่างพื้นที่ลดลง 3 % ซึ่งเทคโนโลยีของทาง Xiaomi ใช้ Battery Pack
กล่าวถึงเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว DC Hyper Change มีความเร็วกว่า Super Charge คือ
1. ทำการชาร์จ 5 นาที สามารถวิ่งได้ในระยะทางไกลอยู่ที่ 220 กิโลเมตร
2. ทำการชาร์จ 10 นาที สามารถวิ่งได้ในระยะทางไกลอยู่ที่ 390 กิโลเมตร
3. ทำการชาร์จ 15 นาที สามารถวิ่งได้ในระยะทางไกลอยู่ที่ 510 กิโลเมตร
เป็นเทคโนโลยีที่ชาร์จเร็วคาดว่าเป็นเทคโนโลยีแบบ High Volt
3. โครงสร้าง
เรียกว่า Xiaomi Hyper Casting คือการ Intergrade Drive Casting ฉีดขึ้นรูปเหมือนกันเทคโนโลยี Gigacast ของทาง Tesla โดยการใช้เครื่องจักรขนาด 9,100 ตัน ฉีดขึ้นรูปได้ที่ละครึ่งคันและนำมาประกอบ
เป็นตัวรถ เพื่อเป็นการลดต้นทุนและผลิตจำนวนมาก
4. การใช้วัสดุอัลลอยของตัวเอง
รถยนต์ไฟฟ้าจะเน้นไปที่น้ำหนักของโครงสร้าง เนื่องจากว่าตัวรถยนต์ไฟฟ้ายิ่งมีน้ำหนักเบามาก จะกินพลังงานไฟฟ้าน้อยลง แต่ส่วนของความแข็งแรงต้องเหมือนเดิม ดังนั้นเทคโนโลยีเรื่องของวัสดุศาสตร์ จึงมีบทบาทที่สำคัญ ทาง Xiaomi มองว่าเทคโนโลยีเป็นจุดเด่นที่ทางแบรนด์ต้องไม่มีการผิดพลาด เป็นการทำตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึง
ปลายน้ำ จึงเรียกว่า Xiaomi Titans Metal ซึ่งมีน้ำหนักที่เบาและมีความแข็งแรง
5. ระบบ Smart Cabin หรือ FSD
ระบบช่วยขับในห้องโดยสารรวมถึงระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ เป็นหัวใจสำคัญที่ผู้คนให้ความสนใจ
ในตัวรถมีจอกลางขนาด 16.1 นิ้ว ความละเอียด 3 K ส่วนของ Xiaomi Pad รองรับระบบให้ความบันเทิงทำงานประมวลผลด้วยตัวชิป Snapdragon 8295 ส่วนของการเบรกใช้ Brembo 4 ปั๊ม 4 พอร์ต กล่องควบคุมเบรกกระจายแรงเบรกใช้เป็นของ Boss ระบบช่วยการขับขี่ Xiaomi Pilot ทำงานประมวลผลด้วย
Chip NVIDIA DRIVE Orin ซึ่งตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมได้แม่นยำและมีเซ็นเซอร์ช่วยในการประมวลผล
ตรวจจับวัตถุได้ไกล 500 เมตร
ซึ่งทาง Xiaomi กล่าวว่าต้องการพัฒนา Xiaomi Pilot เป็นเจ้าแรกในประเทศจีนที่สามารถเป็นระบบขับเคลื่อน
อัตโนมัติ 100 % โดยมีการทดลองใช้ตัวรถวิ่งเป็นระยะทาง 10 ล้านกิโลเมตร ในรถยนต์ 200 คัน และมีการตั้งเป้าที่ฟีเจอร์ Xiaomi Pilot จะพร้อมใช้งานใน 100 เมืองของประเทศจีน และก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านระบบขับขี่อัตโนมัติ
ภายในปี 2024 ส่วนด้านราคาของรถ Xiaomi SU7 มีการเปิดตัวในปีนี้
เห็นได้ว่าในวันนี้รถยนต์ไฟฟ้าสายพันธุ์ใหม่ ที่ทั้งค่ายรถยนต์น้ำมัน ค่ายน้องใหม่ที่ทำรถยนต์ไฟฟ้าเพียง
อย่างเดียวจะต้องตกตะลึง จากค่ายแบรนด์ IT ก้าวเข้ามาในวงการรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีความได้เปรียบ อาทิ Xiaomi
ที่มีอาณาจักรเครื่องใช้ไฟฟ้า, ของใช้ภายในบ้าน, อุปกรณ์ IOT, สมาร์ทโฟน และเครื่องใช้ติดตามตัว
เมื่อเข้ามาสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า จึงเป็นการสร้างแต้มต่อสร้างความได้เปรียบด้านอุตสาหกรรมนี้
ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าเป็นรากฐานสู่รถยนต์ไร้คนขับในอนาคตข้างหน้า
และนี้คือเรื่องราวของ Xiaomi เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าครั้งแรก ที่มีความแรงกว่า Tesla ซึ่งคุณสามารถรับชมได้จากคลิปด้านล่างและหากคุณชอบคลิปนี้ขอฝาก กด LIKE กด SHARE กด SUBSCRIBE ที่ช่องของพวกเรา
ด้วยนะครับ