เรามาอยู่ที่บริษัท AJ ซึ่งหลายคนรู้จักกันว่าเป็นคนที่สร้างช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกันภายในบ้าน อาทิ
การร้องคาราโอเกะ, โฮมเธียเตอร์ ดูหนังร่วมกัน ในวันนี้มีการเปลี่ยนบทบาทใหม่มาเป็นผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า
ที่หลายคนเพิ่งเห็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบรนด์ AJ ซึ่งทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งสองอย่าง
เป็นแบรนด์เดียวกัน
วันนี้ทาง คุณเจสซี่่ หัวหน้าฝ่าย Marketing ของ AJ EV BIKE จะมาเป็นผู้พาชมโชว์รูมของ AJ EV BIKE
และศูนย์ Service ของสำนักงานใหญ่
โดยที่โชว์รูมแห่งนี้มี EV BIKE ทุกรุ่นที่จัดจำหน่ายอยู่ เมื่อพูดถึง AJ หลายคนจะนึกถึงโฮมเธียเตอร์
เครื่องเล่น DVD และในวันนี้กลายมาเป็นคนผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ AJ EV BIKE
ซึ่งแบรนด์ AJ ที่ผลิตเครี่องใช้ไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2544 ก้าวเข้าสู่ปีที่ 23 เหตุผลที่มาเปลี่ยนทำรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเป็นมาจากการรณรงค์ในเรื่องของการประหยัดพลังงาน การลดมลพิษ และเทคโนโลยีของประเทศจีนที่ทาง AJ นำมาผลิตเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าให้คนไทยได้ใช้อยู่ตลอดภายใต้แบรนด์ AJ 20 กว่าปีผ่านมา รวมถึงยุคของ Digital Disruption เข้ามา
แสดงให้เห็นว่าจากสมัยก่อนทาง AJ ร่วมมือกับทางจีนในการทำเครื่องใช้ไฟฟ้าออกมา ต่อมาในภายหลัง
เริ่มมองเห็นสัญญาณในเรื่องของ Digital Disruption จึงน่าสนใจที่ว่าสมัยก่อนจะต้องมีโฮมเธียเตอร์ที่บ้าน
จนมาถึงช่วงหลังนี้ อาทิ Netflix โดยทุกบ้านจะมี Smart TV ประกอบกับการดูหนังที่รับชมไม่จำเป็น
จะต้องมีโฮมเธียเตอร์ และเครื่องเล่นดีวีดี ทำให้มีหนังใช้รับชมจำนวนมาก นี้คือตัวอย่างการ Digital Disruption
ยุคสมัยเปลี่ยนและเทคโนโลยีทางประเทศจีนที่มีความล้ำสมัยมากขึ้น อีกทั้งประเทศจีนได้เลิกใช้รถยนต์หรือ
รถมอเตอร์ไซค์ที่เป็นน้ำมันมาหลายปีแล้ว ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารเห็นว่าอีกไม่นานประเทศไทยจะต้องเป็นแบบนั้น จากเมื่อก่อนเครื่องใช้ไฟฟ้านำเทรนด์ต่อมากลายเป็นเรื่องของยานยนต์ไฟฟ้าจีนนำเทรนด์ ขณะนี้จีนจะขึ้นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าเป็นอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะเป็นการนำเทคโนโลยีมาทำตลาดในประเทศไทย
ทางคุณเจสซี่่จะพาเข้าไปชมด้านในของโชว์รูมของ AJ EV BIKE ซึ่งมีตู้ Swap Battery ของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่น SABER TIGER กับรุ่น MINE PLUS โดยตู้สลับแบตเตอรี่มีการใช้งานจริงที่จังหวัดภูเก็ต, เชียงใหม่, ชลบุรี และเกาะสมุย ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเป็นการตอบโจทย์ เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทยจะนิยมเช่า
รถมอเตอร์ไซค์ไปขับขี่ เพราะฉะนั้นทางบริษัท AJ จึงนำตู้ Swap Battery ไปติดตั้งเพื่อเป็นการ Service
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าด้านในมีรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งหมด 5 รุ่น คือ SABER TIGER, MINE PLUS, C LION,
C LIKE และ RAYMAN ซึ่งรุ่นที่ขายดีที่สุดจะเป็นรุ่น C LIKE และ SABER TIGER
C LIKE
SABER TIGER
ที่ทาง AJ เน้นเพราะมีสเปคที่จะตอบโจทย์กับผู้ที่ชอบการขับขี่ระยะทางไกลและสามารถสลับแบตเตอรี่ รวมถึงสมรรถนะจะเป็น Big Scooter ซึ่งรูปทรงของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะมีเอกลักษณ์ที่สามารถมองออกได้ และทาง AJ ยังคงมีการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์กับผู้บริโภค
รุ่น SABER TIGER จะมีระยะทางวิ่งไกลเฉลี่ยที่ค่าความเร็วอยู่ที่ 70 กิโลเมตร / ชั่วโมง จะวิ่งได้ในระยะทาง 170 กิโลเมตร ซึ่งเป็นค่าความเร็วที่ประหยัด กล่าวคือ ถ้ารถวิ่งบนไดโน่ที่ค่าความเร็ว 70 กิโลเมตร / ชั่วโมง รวมกับน้ำหนักของคนที่ลองนั่ง 70 กิโลกรัม รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะวิ่งได้ในระยะทางอยู่ที่ 100 กิโลเมตร
ซึ่งในความเป็นจริงแรงบิดสามารถสูงถึง 80 กิโลเมตร / ชั่วโมง และจะสามารถวิ่งได้ในระยะทาง
170 – 175 กิโลเมตร ดังนั้นการที่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ในระยะทาง 100 กิโลเมตร
จะสามารถตอบโจทย์ต่อการใช้งาน และจะมีการทดสอบให้ลองขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในระยะทาง 100 กิโลเมตร เพราะเป็นระยะทางที่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าควรจะสามารถทำได้ เพื่อเป็นการตอบโจทย์ที่พอดีกับการใช้งาน
นี้คือศูนย์ AJ ที่เริ่มมุ่งมาทำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ตอนนี้ใช้แบรนด์ AJ เพราะผู้บริโภค
ยอมรับในตัวแบรนด์ AJ มาตั้งแต่ต้น จึงเกิดความมั่นใจว่าถ้าแบรนด์ AJ จะทำตัวโปรดักซ์ โดยจะคัดสรรและ
เน้นที่คุณภาพมาเป็นอันดับแรก ส่วนที่เหลือจะเป็นในส่วนของการ Service ซึ่งเป็นที่รู้ดีว่าแบรนด์เครื่องไฟฟ้า AJ
ในเรื่องของการที่เสียซ่อม จะมีศูนย์ Service ทั่วประเทศ ส่งผลให้ลูกค้าจึงไม่มีความกังวล จึงเป็นการต่อยอดจากการที่ AJ มีดีลเลอร์ที่ช่องทางการขายให้มาจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเพิ่ม เพราะทักษะทางด้านไฟฟ้าเหมือนกัน
ในส่วนของศูนย์ Service ที่กำลังมีการซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ากัน ซึ่งในศูนย์แห่งนี้จะมีปลั๊กเป็นล็อค ๆ สามารถทำการชาร์จแบตเตอรี่ได้ตลอด คือ เมื่อซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะสามารถทดสอบชาร์จแบตเตอรี่ได้ทันที รวมทั้งจะมีเครื่องไดโน่ที่ใช้สำหรับเช็ค ทาง AJ เคยทดสอบกับรุ่น SABER TIGER ใช้แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 80 กิโลเมตร / ชั่วโมง ที่น้ำหนักประมาณ 75 กิโลกรัม สามารถวิ่งได้ในระยะทางทั้งหมด 175 กิโลเมตร ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยเป็นค่าที่ได้จากการวิ่งบนไดโน่ แต่จะต้องมาลองทดสอบวิ่งบนถนนจริง
ปลั๊กเป็นล็อค ๆ สามารถทำการชาร์จแบตเตอรี่
เครื่องไดโน่
ถ้าผู้ที่เป็นดีลเลอร์ที่จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ AJ อยู่แล้ว และมีความต้องการจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะมีการเทรนนิ่ง ทางแบรนด์ AJ มีฝ่าย Service เทรนนิ่ง ในช่วงเวลาที่จะเปิดศูนย์ใหม่ จะเทรนนิ่งในส่วนของโปรดักซ์การใช้งาน รวมถึงเรื่อง After-Sales Service โดยมีการเทรนนิ่งในทุกเดือน ถือได้ว่าเป็นการต่อยอด
ดีลเลอร์เดิมที่จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้ามาสู่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า นอกจากนี้ไลน์การประกอบรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า
ทำที่โรงงานในประเทศไทย
โรงงานประกอบรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหลักของ AJ EV BIKE
เรามาที่โรงงานประกอบรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหลักของ AJ EV BIKE ตั้งอยู่ที่อ้อมใหญ่ เพื่อมาชมไลน์ที่ใช้ประกอบรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยผู้จัดการโรงงานคุณไกรสวัสดิ์ จะมาเป็นผู้แนะนำทุกขั้นตอนของไลน์การผลิต
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า
โดยเริ่มจากขั้นตอนแรก คือ ขั้นตอนการขูดหมายเลขของมอเตอร์ โดยปกติรถมอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์น้ำมัน จะมีเลขเครื่องยนต์กับเลขตัวแผงคอ เมื่อเป็นรถไฟฟ้าจะเป็นเลขตัวแผงคอกับมอเตอร์ เมื่อเวลาจดทะเบียนจะใช้หมายเลขที่แจ้งไว้กับทางขนส่งติดกับตัวรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพร้อมกับเล่มทะเบียน ส่วนในกรณีที่มีการโมเปลี่ยนมอเตอร์จะใช้ไม่ได้ จากการล็อคกับเลข หลังจากที่ขูดเลขเสร็จ จะส่งไปที่หน่วยงานประกอบยางใส่เชลฟ์
เก็บไว้ เพื่อที่จะเข้าไปสู่ในไลน์การประกอบ
ขั้นตอนที่สอง คือ การเตรียมคัสซีรวมถึงหมายเลขของตัวคัสซีที่ได้ทำการขูดออก เพื่อนำไปแนบจดทะเบียน
รถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งโครงรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า จะไม่เหมือนกับโครงรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้น้ำมัน เนื่องจากอุปกรณ์จะมีความละเอียดมากกว่า รวมถึงจะมีแผ่นระบุหมายเลขที่ขูด, หมายเลขคัสซี และหมายเลขของมอเตอร์
ส่วนของใบตารางที่พนักงานที่อยู่ในแต่ละขั้นตอน ตามสถานี ในไลน์การประกอบ จะต้องทำการเช็ค
หลังจากที่เตรียมโครงรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการประกอบ
หมายเลขที่ขูด, หมายเลขคัสซี และหมายเลขของมอเตอร์
ใบตาราง Checklist ทุกไลน์ขั้นตอนการประกอบ
ต่อมาจะเป็นขั้นตอนการประกอบคัสซี ซึ่งประกอบด้วยขาตั้งคู่, สวิงอาร์ม, โช๊คอัพ และประกอบชุดล้อ
มอเตอร์หลังที่มีการประกอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เวลาประกอบต้องหงายโครงขึ้นมา ทำการประกอบจากช่วงล่างก่อน โดยจะเริ่มจากการประกอบขาตั้ง
ส่วนของขาตั้งเดี่ยวจะเป็นเซฟตี้เซ็นเซอร์ เมื่อลงขาตั้งรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะไม่ติด คือ Cut off Switch
เนื่องจากรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่เสียบจะเงียบ และจะมีเซ็นเซอร์สวิตช์ตรงใต้ขาตั้ง
หลังจากนั้นจะทำการประกอบชิ้นส่วนของใต้ท้องรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งหมด หลังจากนั้นจะตั้งรถขึ้นมา
เพื่อทำการใส่ยางหลัง
สาเหตุที่จะต้องใส่น็อตตัวเมียจำนวน 2 ตัว เพื่อป้องกันการคลายตัวของน็อต จะต้องดับเบิ้ลล็อคสองชั้น
ตอนนี้ได้ทำการยึดสวิงอาร์มกับล้อหลังเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนต่อมาจะเป็นการใส่ฝาครอบล่าง คือ ตัวบังโคลน
ด้านล่าง
หลังจากนั้นจะเตรียมใส่ตะเกียบ เพื่อจะใส่ล้อหน้า โดยจะมีอุปกรณ์ คือ ลูกปืนแผงคอล่าง ลูกปืนแผงคอบน
ขั้นตอนต่อมา คือ การประกอบตะเกียบหน้าจากที่ได้ทำการประกอบช่วงล่าง, ประกอบล้อหลัง, ใส่สวิงอาร์มหลังก็จะเหลือในส่วนของล้อหน้าจะต้องประกอบเรื่องล้อและส่วนต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อนถึงจะวางตัวพาเลทให้วิ่งตามคอนเวเยอร์ เป็นฮับมอเตอร์ไฟฟ้า
เตรียมใส่ล้อเอาโช๊ตยึดใส่ล้อก่อนที่จะประกอบเข้าตัวรถมอเตอร์ไซค์จะมีเหมือนซับไลน์ด้านข้าง คือทำเตรียมอยู่ด้านข้างเสร็จแล้วจึงนำไปประกอบในไลน์หลัก
สิ่งที่ต้องระวังในขั้นตอนนี้เป็นในเรื่องของจารบีต้องใส่จารบีชนิดพิเศษต้องทนความร้อน, ความชื้น, ทนแดดและฝน เรื่อง Handling เป็นสิ่งสำคัญเพราะรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าบิดนิดเดี่ยวก็พุ่งตัวภายในเสี่ยววินาทีเท่านั้น
ในส่วนนี้คือ 80 % ของล้อหน้าและล้อหลังแล้วใส่ดับเบิ้ลล็อคอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันการคลายตัวเพราะ
ตัวรถมอเตอร์ไซค์ สั่นสะเทือนน็อคอาจเกิดการคลายตัวได้จึงต้องดับเบิ้ลล็อคอีกชั้นหนึ่งเสร็จในทุกจุดเช็คให้เรียบร้อยแล้วพนักงานทำเสร็จแล้วก็จะเอาการติ๊กตำแหน่งของรอยต่อแล้วมาเช็ค Checklist
ในส่วนนี้คือ 80 % ของล้อหน้าและล้อหลังแล้วใส่ดับเบิ้ลล็อคอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันการคลายตัวเพราะ
ตัวรถมอเตอร์ไซค์ สั่นสะเทือนน็อคอาจเกิดการคลายตัวได้จึงต้องดับเบิ้ลล็อคอีกชั้นหนึ่ง
และจึงทำการมาร์กจุดที่ป้องกันการคลายตัวและใส่ตำแหน่งทุกจุดเช็คเรียบร้อยแล้วพนักงานทำเสร็จแล้วจะทำการมาร์กตำแหน่งของรอยต่อแล้วมา Checklist ของแต่ละขั้นตอน
ในส่วนของการรประกอบแฮนด์ขั้นแรกจะใส่ชุดดพลาสติกลองโคมไฟชุดหน้าทำการอัดมุดหลังจากนั้นส่งต่อไปอีกหนึ่งสถานี
ตัวเหยียบ Stopper สำหรับแต่ละตำแหน่งเพื่อไม่ให้มีการเลื่อนกดเหยียบตัว Stopper กันทีละสถานีเป็นการป้องกันไม่ให้พาเลทมาชนกัน
Stopper
สถานีต่อมาจะใส่ก้ามเบรกซ้ายขวาหน้าหลังเพราะโครงแสดงหลักแฮนด์ล้อประกอบครบแล้วจึงมาต่อที่ Wiring
ระบบเบรกระบบหลัก ๆ ของรถมอเตอร์ไซค์และทำการร้อยสายประกอบ Disc Brake หน้าหลัง
สถานีต่อมาจะประกอบไปด้วยการประกอบ Disc Brake ยึดสายคือสายปั๊มหลังจากที่ทำการประกอบ Wiring เสร็จอุปกรณ์ติดตั้ง Controller เสร็จคือ Wiring และใส่ชุดกุญแจกันขโมยสัญญาณกันขโมยจะอยู่ตรงกุญแจ
สถานีนี้ขั้นแรกใส่ชุดเบรกหน้าหลังและประกอบชุด Disc Brake คือคาลิปเปอร์เบรกหน้าหลัง
ประกอบชุดกันขโมยประกอบชุดแปลงไฟ, คอนโทรลแบตเตอรี่ทั้งหมดและตัวชาร์จ ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ประกอบฮาร์ทแวร์เสร็จ
ส่งต่อมายังสถานี Wiring ทำการประกอบสายไฟ Wiring ทั้งหมด คือการเดินระบบไฟฟ้าที่เป็นหัวใจหลักของ
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า สามสีส้มคือสายเข้ามอเตอร์สาย High Volt สายไฟเดินระบบทั้งหมดจะต่อเข้ากัน Wiring
จะมาเป็นแบบสำเร็จรูปและนำมาต่อเข้ากับอุปกรณ์ต่าง ๆ บนรถมอเตอร์ไซค์
สาย Wiring
ในตอนนี้ตัวรถมอเตอร์ไซค์จะเริ่มเป็นรูปร่างมากขึ้นขั้นตอนนี้เรียกว่าประกอบพื้นยืนและ Wiring สายทั้งหมดหลังจากนั้นวนกลับไปใส่แฟริ่งทั้งหมดอีกฝั่งหนึ่งเริ่มเห็นความสวยงามส่วนนี้จะเป็นเชิงโครงสร้างทั้งหมดที่อยู่
ใต้แฟริ่งจะอยู่ทั้งไลน์นี้จะวนไปอีกฝั่ง
ซึ่งที่นี้ก็จะใส่ชนท้ายรวมทั้งไฟท้าย, กรอบข้างซ้ายขวา, บังโคลนหน้า, กล่อองใส่แบตเตอรี่และเบะ
เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
หลังนั้นจะส่งไปที่ Final Inspection สลับไลน์ รถมอเตอร์ไซค์ที่ประกอบเสร็จแล้ว ขั้นตอนคือความยากตั้งแต่โครงสร้าง Wiring พอถึงแฟริ่งความยากลดลง หัวใจสำคัญคือการตรวจสอบทั้งหมดในส่วนของ
Final Inspection
Final Inspection ตำแหน่งนี้คือ Inspection ของ Final Round โดยเริ่มจากการใส่แบตเตอรี่ต้องทดลอง
เทรสระบบไฟฟ้าโดยการใส่แบตเตอรี่เข้าไปเทรสจริงและเช็คระบบไฟทั้งหมด สัญญาณกันขโมยมี Checklist
ให้เช็คได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย คือไล่ตาม Process ประกอบชุดไฟ ประกอบบอร์ดี้และด้านหลัง
จะระบุว่ามีการทดสอบ LED หน้าจอ, เกียร์, ไฟหน้า, เบรก, แตร, ช่องเสียบไฟ USB ก็คือระบบไฟฟ้าที่จะต้องใช้งานหลักๆทั้งหมดที่ติดมากับตัวรถมอเตอร์ไซค์ 15 รายการถ้าผ่านจะมามาร์กเป็นรายการไว้ถ้าผ่านถือว่าที่เรียบร้อยสำหรับ Process ของ Final Inspection หลังจากนั้นก็จะลงทะเบียนโดยเอา Checklist นี้ไปลงทะเบียนแสดงว่า
งานเสร็จเรียบร้อยพร้อมส่งมอบ
ซึ่งจะการทดสอบขับขี่จริงภายในโรงงานในส่วนของตรงนี้คือเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ Process สุดท้าย
จะมีทดสอบขับขี่ภายในโรงงานเจ้าหน้าที่ QC ทดสอบและหลังการทดสอบภายในโรงงานแล้วจะมีการทดสอบขับขี่
ด้านนอกจริงโดยใช้รถมอเตอร์ไซค์ภายในโรงงานไปเทรส
หลังจากที่รถมอเตอร์ไซค์ออกมาจาก Final Inspection เจ้าหน้าที่ QC จะทำการทดสอบทั้งหมดตรวจสอบตั้งแต่ฟังก์ชันการประกอบจนถึงฟังก์ชันการใช้งานจริงว่ามีอุปกรณ์ครบตรวจสอบทั้งหมด ก่อนหน้านี้คือ Type Line ก่อนจะอออกมาสต๊อกรถตรวจสอบ 100%
หลังจากตรวจเช็คเสร็จก็จะถึงการทดสอบขับขี่จริงปรับสปีดเกียร์ 1 เกียร์ 2 เช็คไฟ, เช็คเบรก
และถึงเวลาที่จะได้ทดสอบจริงบนท้องถนนโดยทางคุณเจสซี่่ ได้ทำการเตรียมรถมอเตอร์ไซค์สำหรับทดสอบพร้อมทีมงานที่เข้าไปดูแลการลองวิ่งในครั้งนี้ การทดสอบครั้งนี้จะขับขี่ไปจนกว่าแบตเตอรี่หมดและจะมาว่าการขับขี่ในครั้งนี้จะวิ่งได้ระยะที่เท่าไหร่ โดยใช้แบตเตอรี่ 100 % สองก้อน ระยะทางที่คาดว่าสามารถขับขี่ได้ประมาณ
100 กิโลเมตรขึ้นไป โดยระยะทางจะเริ่มต้นจากโรงงานรอบนอกอ้อมใหญ่เข้าเมืองและไปสุดที่ลาดกระบังเป็น
ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตรกว่า ๆ
ขณะนี้การทดสอบมาได้ครึ่งทางแล้ววิ่งจากอ้อมใหญ่มาถึงเซ็นทรัลเวิลด์ แบตเตอรี่เหลือ 60 % TRIP 45.9
โดยบิดที่อัตราความเร็วเฉลี่ยสูงสุดที่ 80 – 81 กิโลเมตร / ชั่วโมง เป็นการขับขี่เสมือนใช้ชีวิตจริงจากนอกเมืองขับขี่
เข้ามาทำงานในเมืองจะลองวิ่งจนแบตเตอรี่หมดจะเป็นอย่างไรพอเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเวลาแบตเตอรี่หมด
รถมอเตอร์ไซค์จะดับ แต่จะลองขับออกไปนอกเมืองโดยวนอนุสาวรีย์วิ่งไปทางสุขุมวิทแล้วไปสุดที่ลาดกระบัง
และในตอนนี้มาถึง ปั๊ม ปตถ. สนามบินสุวรรณภูมิ เริ่มที่อ้อมใหญ่มาสาทรผ่านเซ็นทรัลเวิลด์ไปอนุสาวรีย์ผ่านดินแดงข้ามพระราม 9 วิ่งยาวมาทางลาดกระบังหัวตะเข้วนมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ แบตเตอรี่เหลืออยู่ 3 %
ส่วนแบตเตอรี่อีกลูกเหลือ 2 % ระยะทางอยู่ที่ 99.8 กิโลเมตร คาดว่าไม่เกิน 5 กิโลเมตรรถมอเตอร์ไซค์ดับ
อีก 200 เมตร จึงจะครบ 100 กิโลเมตร แสดงว่ามอเตอร์ไซค์คันนี้สามารถวิ่งได้ถึง 100 กิโลเมตร โดยใช้ความเร็วเฉลี่ยวิ่งรอบนอกอยู่ที่ 80 กิโลเมตร / ชั่วโมง ส่วนในเมืองอยู่ที่ 30 – 60 กิโลเมตร / ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของรถยนต์ภายในเมือง
ซึ่งจะลองวิ่งแบบใช้ชีวิตจริงขับจากข้างนอกเข้าในเมืองและจากในเมืองออกนอกเมืองเพราะชีวิตคนส่วนใหญ่
จะใช้ชีวิตอยู่นอกเมืองเป็นส่วนใหญ่ ลองดูว่าแบตเตอรี่เหลือ 1 % จะอยู่ที่เท่าไหร่
ซึ่งในตอนนี้รถมอเตอร์ไซค์ไม่มีแรงบิดแล้วเพราะแบตเตอรี่เหลือ 0 % ส่วนระยะทางที่วิ่งได้ทั้งหมด
104.8 กิโลเมตร ส่วนระบบไฟแสดงหน้าจอยังสามารถทำงานได้อยู่
หลังจากที่ลองเทรสรถมอเตอร์ไซค์ถึง 4 ชั่วโมง ผลลัพธ์เป็นน่าพอใจคือสามารถวิ่งได้เกิน 100 กิโลเมตร
จนแบตเตอรี่หมด ผลลัพธ์ที่ได้คือ 104.8 กิโลเมตร โดยบิดที่อัตราความเร็วเฉลี่ยสูงสุดที่ 80 กิโลเมตร / ชั่วโมง
จากชานเมืองเข้ามาในเมืองและก็ออกชานเมืองเสมือนการใช้ชีวิตจริง ความรู้สึกหลังการเทรส รถมอเตอร์ไซค์
ทรง BIG SCOOTER ให้ความรู้สึกนั่งสบาย แต่ยังติดอยู่ที่ข้อจำกัดด้านความเร็วควรทำความเร็วมาก
100 กิโลเมตร / ชั่วโมง และในส่วนของช่วงล่างอาจต้องมีการปรับให้นิ่มนวลหรือแน่นกว่านี้ เพราะด้วยถนนในประเทศไทยไม่ราบเรียบ จึงเป็นโจทย์ให้รถมอเตอร์ไซค์รุ่นต่อไปต้องมีการพัฒนาดีมากขึ้น
ซึ่งถือว่าคุ้มค่าที่พาไปสำนักงานใหญ่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงจากผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องเล่นซีดีแบรนด์ดัง
ที่ทุกคนรู้จักมาวันนี้หันมาทำรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอย่าง AJ EV BIKE พาไปโรงงานประกอบและจากทดสอบขับขี่จริงได้ผลตามที่ได้คาดการณ์ไว้จึงถือว่าเป็นก้าวแรกที่ทำออกมาได้ดี แต่ก็ยังต้องพัฒนาก้าวต่อไปเพื่อให้ตอบโจทย์ให้มากขึ้น
และในวันนี้มีโปรโมชั่น AJ SABER TIGER ราคาปัจจุบัน 95,500 บาท โปรโมชั่นลดเหลือ 73,900 บาท
สามารถติดต่อได้ที่เพจของ AJ EV BIKE ถึง 31 ธันวาคม ปีนี้
บริษัท AJ ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า โฮมเธียเตอร์ และเครื่องเล่นซีดีสื่อให้ความบันเทิงต่าง ๆ ได้พัฒนามาสู่การเป็นผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเป็นที่แรก จึงถือได้ว่าทางบริษัท AJ เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์มองการไกลว่าในอนาคตข้างหน้าจะเข้าสู่ยุคของ รถ EV ที่มีความทันสมัย ประหยัดพลังงานและลดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่งต่อไป
ซึ่งท่านสามารถรับชมเรื่องราวทั้งหมดได้ที่คลิปด้านล่างนี้ และหากคุณชอบคลิปนี้ขอฝาก กด LIKE กด SHARE กด SUBSCRIBE ที่ช่องของพวกเราด้วยนะครับ
