วันนี้เราอยู่ที่ศูนย์ บีวายดี จินหลง มอเตอร์ แจ้งวัฒนะ
จากกระแสรถยนต์ไฟฟ้า BYD Seal ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ 3 ของค่าย BYD ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยได้รับกระแสตอบรับอย่างดี และผู้คนให้ความสนใจอย่างมาก เนื่องจากรถ รุ่น AWD Performance มีราคาอยู่ที่ 1,599,000 บาท และมีกำลังรวมอยู่ที่ 530 แรงม้า
ซึ่งรถ BYD Seal มีความแตกต่างทางด้านของเทคโนโลยีจากรถ BYD 2 รุ่น ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย
ก่อนหน้า จึงได้ทำการรวบรวม 10 สิ่ง ที่ต้องรู้ก่อนจะซื้อรถ BYD Seal
1. รูปแบบการดีไซน์ Ocean X
รถ BYD Seal มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับรถ Porsche อย่างมาก เป็นหน้าตาซีรีส์ Ocean X
มีการนำมาใช้ในรถรุ่น BYD Seal และ Seal U ที่มีการเปิดตัวเป็นรถ SUV
จากการเป็นรถเก๋งไฟฟ้าที่เน้นความสปอร์ต สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ การออกแบบแอโรว์ไดนามิก หรือการต้านลม
มีค่าน้อยที่สุดในรถทุกรุ่นที่ผ่านมา โดยมีค่า Cd อยู่ที่ 0.219 ( Drag Coefficient : สัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ ) จากค่าที่มีความต่างอยู่ที่ 0.1 ส่งผลให้ระยะทางเพิ่มขึ้น 8 km
2. หลังคากระจกพาโนรามิกขนาดใหญ่ไม่มีม่านบังแดด
รถ BYD Seal เป็นรถรุ่นเดียวที่ใช้กระจกหลังคาแบบพาโนรามิกขนาดใหญ่ให้อารมณ์เหมือนกับ
รถ Tesla Model 3 ที่ผู้โดยสารสามารถมองเห็นท้องฟ้า และจากการดีไซน์ที่ลดแรงต้านอากาศ
ส่งผลให้รถมีลักษณะที่ราบเรียบ
แต่มีข้อเสียตรงที่เพดานของรถค่อนข้างต่ำ และหลังคาที่เป็นกระจกพาโนรามิก รวมทั้งระยะห่างระหว่าง
ศีรษะของคนขับ หรือผู้โดยสาร ค่อนข้างอยู่ใกล้กับเพดานรถ ส่งผลให้ความร้อนส่งมาถึง จะต้องทำการติดเฉดเพิ่มเติมเป็นฉนวนกันความร้อน จากแดดที่ส่องลงมาถึงข้างในตัวรถ
ต่อมาจะทดสอบวัดอุณหภูมิทั้งด้านนอกและด้านในของตัวรถ โดยใช้ตัวยิงอุณหภูมิ จะเริ่มที่ผิวด้านนอกของรถ ซึ่งอุณหภูมิผิวกระจกด้านนอกอยู่ที่ประมาณ 50 °C และส่วนของด้านในตัวรถอุณหภูมิผิวกระจกด้านในอยู่ที่
ประมาณ 52 °C
3. สามารถใช้กุญแจเปิดประตูรถได้
รถ BYD Seal ใช้ระบบไฟฟ้าในการควบคุม แม้กระทั้งเวลาเปิดประตู ในกรณีที่มีปัญหาระบบไฟฟ้า
เวลาเปิดประตูจะต้องใช้กุญแจที่ถอดออกมาจากรีโมทรถ ซึ่งรูกุญแจจะอยู่บริเวณด้านในที่จับประตู
ในกรณีที่แบตเตอรี่พลังงานไฟฟ้าหมด เมื่อทำการไขกุญแจ จะไม่มีการเสียงสัญญาณกันขโมย
แต่ถ้าแบตเตอรี่ยังมีพลังงานไฟฟ้า เวลาไขกุญแจรถเสียงสัญญาณกันขโมยจะร้องขึ้นมา
4. แบตลูกเล็ก 12 V เป็นแบตลิเธียมไอออนฟอสเฟส
รถ BYD Seal เป็นรถรุ่นแรกที่ใช้แบตเตอรี่ 12 V เป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟส จะแตกต่างจาก
รถ BYD Dolphin และ ATTO ที่ใช้แบตเตอรี่แบบตะกั่วกรด ซึ่งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟส จะมีอายุการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า
แบตเตอรี่จะติดตั้งอยู่บริเวณใต้เบาะแถวที่ 2 โดยปกติแบตเตอรี่ส่วนใหญ่ที่เป็นแบบตะกั่วกรด จะมีขนาดใหญ่
ส่วนแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟส จะมีความทนทาน สามารถกักเก็บพลังงานเพิ่มมากขึ้น และมีขนาดเล็ก
ซึ่งจะต้องใช้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญทำการแกะ
ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินพลังงานไฟฟ้าหมด ที่กล่องฟิวส์บริเวณหน้ารถ จะทำการจัมพ์แบตที่ขั้วบวก
ส่วนขั้วลบสามารถจั๊มลงกราวด์ ในความเป็นจริงทางศูนย์ไม่แนะนำให้จัมพ์แบตเอง ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินควรเรียก
รถเซอร์วิส 24 ชั่วโมงของ REVER จะต้องให้ทางผู้เชี่ยวชาญทำการแก้ไขปัญหา เนื่องจากระบบคอนโทรลและอุปกรณ์ทุกอย่างภายในรถเป็นระบบไฟฟ้า หากเกิดไฟฟ้าย้อนกลับ จะทำให้ระบบคอนโทรลพังเสียหาย และหลุดประกัน
ขั้วบวก
ขั้วลบ
5. เปิดแอร์ทิ้งไว้ ไม่ได้ทำให้แบต 12 V หมดไว
รถ BYD Sealจะสแตนบายด้วยระบบ 12 V คือ Low Volt เมื่อมีการสั่งการด้วยรีโมท หรือมือถือ
มาทำงานที่ Low Volt เวลาสตาร์ทรถ ทำการเปิดแอร์ เมื่อคอมเพรสเซอร์แอร์ทำงาน จะใช้ไฟฟ้าจากแบตหลัก
และจะมีการจ่ายไฟฟ้ามาที่แบตเตอรี่ 12 v ส่งผลให้พลังงานไฟฟ้าหมดช้าลง
การทดสอบการเปิดแอร์ เริ่มแรกที่รถ BYD Seal ที่เครื่องดับและรถล็อคอยู่ เมื่อกดรีโมทค้าง
ไฟของรถจะเกิดการกระพริบและกระจกหน้ารถจะกางออก แต่รถจะยังไม่ปลดล็อค ซึ่งจะต้องเข้าใกล้ตัวรถ
และกดปลดล็อค เพื่อเปิดประตู
6. มี Sleep Mode สำหรับปิดระบบ เมื่อไม่มีการใช้งาน
กรณีที่มีการเปิดแอร์ทิ้งไว้ สามารถตั้งค่ารถ AC เวลาที่เครื่องปรับอากาศควบคุมทางไกลเป็นหน่วยนาที
สมมติมีการตั้งค่าที่ 10 นาที ถ้ามีการกดสตาร์ทผ่านทางรีโมท หรือมือถือ และไม่มีการเปิดรถ หรือไม่มีการขับขี่
แอร์จะดับภายใน 10 นาที โดยอัตโนมัติ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้พลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่หมดลง
ซึ่งสามารถตั้งค่าสูงสุดอยู่ที่ 30 นาที ถือว่าเป็นข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า การออกจาก Sleep Mode
ทางช่างแนะนำให้นำกุญแจกดค้างที่ปุ่ม Keyless บริเวณประตู ให้ Wake Up ขึ้นมา โดยปกติรถจะมีการปรับโหมดเรียบร้อยแล้ว
จำนวนนาที
กุญแจ
ปุ่ม Keyless
7. มีค่า Ground Clearance 120 มม.
รถ BYD Seal มีความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ หรือ Ground Clearance จะอยู่ที่ 120 มม. เพื่อลดแรงต้านลม
เมื่อเปรียบเทียบกับรถ Honda Accord หรือ Tesla Model 3 จะมีความสูงอยู่ที่ 130 มม. ขึ้นไป
เมื่อทำการยกรถ BYD Seal เพื่อดูใต้ท้องรถ จะเห็นในส่วนของ แบตเตอรี่ ระบบระบายความร้อน
โดยใช้น้ำยาแอร์ ตัวสัญญาณแบตเตอรี่ ซึ่งแบตเตอรี่มีการแพ็คมาเป็นอย่างดี โดยมีค่าป้องกันกันน้ำ IP 67
คือ น้ำลึก 1 เมตร ไม่เกิน 30 นาที
ระบบระบายความร้อน
น้ำยาแอร์
ตัวสัญญาณแบตเตอรี่
นอกจากนี้ยังมีตัวขั้วแบตเตอรี่ High Volt สายป้องกันไฟ High Volt Connector ซึ่งสามารถกันน้ำได้ทั้งหมด
รถ BYD Seal ที่เราดูจะเป็นรุ่น Premium ที่มีการติดตั้งมอเตอร์ที่ด้านหลังเพียงอย่างเดียว
ถ้าเป็นรุ่น Performance จะมีมอเตอร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ส่วนมอเตอร์สามารถกันน้ำได้เช่นเดียวกัน มีซีลยางกันน้ำ จากความสูงระหว่างใต้ท้องรถกับพื้นของ
รถ BYD Seal สามารถลุยน้ำ โดยจะต้องอยู่ในระดับน้ำที่ไม่ควรเกินครึ่งล้อ
ในส่วนของแผ่นปิดจะใช้วัสดุไม่เหมือนกับรถ BYD ATTO 3 และ Dolphin ที่จะใช้พลาสติก PP
แต่รถ BYD Seal จะใช้วัสดุเป็นใยผ้า หรือ Nonwoven ที่มีความทนทานน้อยกว่า ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์ที่คนขับ
รถ BYD Seal ลุยน้ำท่วม แล้วแผ่นปิดหลุดออกมาทั้งอัน ดังนั้นคนที่ต้องการใช้รถ ควรใส่แผ่นเสริมอะลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงมากกว่า ซึ่งทางศูนย์จะมีอยู่แล้ว
วัสดุใยผ้า หรือ Nonwoven
แผ่นเสริมอะลูมิเนียม
8. หนูเข้าไปแทะแบตไม่ได้
รถ BYD Seal ใช้แพลตฟอร์มแบบใหม่ล่าสุด คือ Cell to Body กล่าวคือ แบตเตอรี่เป็นส่วนหนึ่งของตัวรถ
ซึ่งฝาปิดด้านบนของแบตเตอรี่ High Volt จะชิดกับพื้นรถ ทำหน้าที่เป็นพื้นรถห้องโดยสาร ส่งผลให้ไม่เกิดช่องว่าง
ทำให้หนูไม่สามารถเข้าไป
ซึ่งจะแตกต่างจากรถ BYD ATTO 3 จะเป็นเหมือนลังถ่าน ที่ใส่แบตเตอรี่เข้าไป จะมีช่องว่างส่วนของระหว่างพื้นห้องโดยสารกับผิวด้านบนแบตเตอรี่ โดยเฉพาะบริเวณตรงมุม ทำให้หนูสามารถเข้าไปกัดแทะแบตเตอรี่
9. ค่าซ่อมบำรุงที่ 1 แสนกิโลเมตร
เมื่อเทียบกับการซ่อมบำรุงที่ 1 แสน กิโลเมตรแรก จะมีการเข้าศูนย์เช็คระยะ 6 ครั้ง แบ่งเป็นรอบ 5,000 km, 20,000 km, 40,000 km, 60,000 km, 80,000 km และ100,000 km มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่รวมค่าแรงค่าอะไหล่ไม่เกิน 19,000 บาท จะเป็นการเปลี่ยนจำพวกของเหลว Coolant น้ำมันเกียร์ และน้ำมันเบรก
ซึ่งรถ BYD Seal จะมี Service Package 8 ปี หรือ 1 แสน กิโลเมตร ซึ่งภายในระยะดังกล่าว
ลูกค้าจะไม่ต้องเสียค่าแรงและค่าอะไหล่
10. ไม่ควรเป็นรถคันแรก
รถ BYD Seal ไม่ควรเป็นรถคันแรกในบ้าน เพราะว่าเป็นรถเก๋งที่การใช้งานอาจจะไม่ตอบโจทย์สำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ เมื่อเปรียบเทียบกับ รถ SUV Crossover ATTO 3 ดังนั้นรถ BYD Seal จะเหมาะสำหรับ
การซื้อเป็นรถคันที่ 2 หรือเป็นการใช้งานส่วนบุคคล อย่างกลุ่มคนวัยรุ่น และที่บ้านมีรถยนต์หลายคัน
สรุป สำหรับ 10 อย่างที่ต้องรู้เกี่ยวกับรถ รถ BYD Seal สำหรับใครที่อยากจะเปลี่ยนจากรถน้ำมันมาเป็น
รถยนต์ไฟฟ้า โดยเลือกรถ BYD Seal เป็นคันแรก อาจจะต้องลองดู เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่ที่ต้องมี
การปรับตัวเรียนรู้เพิ่มเติม
คุณสามารถดูเรื่องนี้ได้จากคลิปด้านล่าง ถ้าหากคุณชอบคลิปนี้ขอฝาก กด LIKE กด SHARE
กด SUBSCRIBE ที่ช่องของพวกเราด้วยนะครับ