จากประเด็นคลิปโฆษณาชวนเชื่อที่บอกว่ามีรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กนำเข้าจากประเทศจีน เป็นรุ่นที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุด โดยไม่ต้องเติมน้ำมัน ชาร์จแบตเตอรี่เพียงครั้งเดียวและไม่ต้องทำการชาร์จซ้ำ สามารถวิ่งได้ตลอด รวมทั้งเป็นเทคโนโลยีสิทธิบัตรของคนไทย ชื่อว่า เทคโนโลยี ICS ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในประเทศ
หลายคนมีการสอบถามเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทั้งในเรื่องของยี่ห้อรถยนต์ไฟฟ้าและความสามารถของเทคโนโลยี ICS ที่เป็นของบริษัทของคนไทย เพราะแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำระดับโลกไม่สามารถทำได้
ทำให้ทางสื่อและตามเพจต่าง ๆ มีการวิเคราะห์อย่างมากมายถึงความจริงในเรื่องนี้
อย่างล่าสุดขออ้างอิงจากเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฏ์ โพสต์เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2566 บอกว่ามีลูกเพจนำข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่มีลักษณะแปลก เป็นการขายรถยนต์ไฟฟ้าที่สร้างเครือข่ายหา Downline ซึ่งสินค้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ที่ไม่ต้องทำการชาร์จและไม่ต้องเติมน้ำมัน เพียงแค่ชาร์จ
ครั้งเดียว ตัวรถยนต์ไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ โดยจะทำการ Regenerative Braking หรือ การเบรกเพื่อชาร์จไฟ
กลับเข้ามาที่แบตเตอรี่ ซึ่งจะเหมือนกับรถไฮบริด หรือ รถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% ที่ใช้งานอยู่
ดังนั้นทางเราในฐานะเป็นผู้ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับยานยนต์และหาความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
ยานยนต์นั้น ไม่เคยทราบถึงเทคโนโลยี ICS มาก่อน จึงจะนำเรื่องดังกล่าวมาวิเคราะห์ โดยแบ่งแยกเป็น 2 เรื่อง คือ สเปคของรถยนต์ไฟฟ้าและความจริงเกี่ยวกับความสามารถของเทคโนโลยี ICS ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่จดขึ้นมา
สเปคของรถยนต์ไฟฟ้า
เป็นรถตู้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่นำเข้ามาจากประเทศจีนเป็นยี่ห้อ Weiao BOMA EV
เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าภายใต้บริษัทชื่อ Hongri Electric Vehicle ที่แรกเริ่มเป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วน
ที่หันมาผลิตรถยนต์ที่นั่งและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และแตกแบรนด์ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กออกมา
ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้า Weiao BOMA EV หากดูจากมิติของตัวรถจะเหมือนกับรถ K-Car หรือ Kei Car ของ
ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นรถยนต์ขนาดเล็กมีหลังคาสูง เหมาะสำหรับการขับในระยะทางใกล้ ๆ วิ่งในตัวเมือง
และเป็นรถ 5 ประตู 4 ที่นั่ง ที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้าขนาด 30 kW ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 100 กม./ ชม.
ส่วนของแบตเตอรี่จะเป็นแบบ LFP หรือ ลิเธียมไอออนฟอสเฟต มี 2 ขนาด คือ
1. ขนาดเล็กมีความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 11.9 kWh สามารถวิ่งได้ในระยะทาง 130 กม./1 การชาร์จ
2. ขนาดใหญ่มีความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 18.5 kWh สามารถวิ่งได้ในระยะทาง 200 กม./1 การชาร์จ
สเปคของตัวรถมีการระบุอย่างชัดเจนว่า จะต้องมีการชาร์จและเป็นการชาร์จเฉพาะแบบ AC คือ
การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าตามบ้านเรือน เนื่องจากว่ารถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กโดยส่วนใหญ่ จะใช้สำหรับวิ่งใน
ระยะทางใกล้ ๆ ที่ขับตลอดทั้งวัน และนำกลับมาชาร์จที่บ้านเพียงอย่างเดียว
แบตเตอรี่ขนาดเล็กจะใช้เวลาในการชาร์จอยู่ที่ 7 ชั่วโมง ส่วนแบตเตอรี่ขนาดใหญ่จะใช้เวลาในการชาร์จอยู่ที่
10 ชั่วโมง ที่ประเทศจีนทำตลาดออกมาทั้งหมด 3 รุ่นย่อย มีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 39,900 – 51,900 หยวน หรือ
ตีเป็นเงินไทยจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 – 260,000 บาท
นอกจากนี้รถยนต์ไฟฟ้าดังกล่าวมีการนำเข้าแบบทั้งคัน หมายความว่า มีโอกาสที่จะจดทะเบียนไม่ผ่าน
โดยจะขออ้างอิงจากเคสของรถยนต์ไฟฟ้า POCCO
ประเทศจีนมีแบรนด์จำนวนมากที่ทำรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือ K-Car ซึ่งมีราคาถูก จึงมีโอกาสที่จะทำ
สินค้าออกมาไม่ได้ตามมาตรฐานค่อนข้างมาก
จากการที่ทางเราได้มีการพูดคุยกับทางวิศวกรรมขนส่งของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งทางเขาค่อนข้างจริงจังเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ อย่างเคสรถยนต์ POOCO ที่มีบริษัทนำเข้ามาจำหน่าย โดยไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายจากทางแบรนด์ หรือบริษัทแม่จากประเทศจีน
การนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าลักษณะดังกล่าวจะไม่มีพิมพ์เขียว มาตรฐานทดสอบการเทส และรายละเอียดทางวิศวกรรม ที่จำเป็นต่อการยื่นเพื่อขอจดทะเบียน
เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่จะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ตัวรถเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่จะต้องทำการชาร์จ
ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการจดทะเบียนไม่ได้
เทคโนโลยี ICS
จากข้อสงสัยเกี่ยวกับเทคโนโลยี ICS ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่มีการจดสิทธิบัตร ทำให้สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
เพียงแค่ครั้งเดียว โดยที่ไม่ต้องทำการชาร์จซ้ำและเติมน้ำมัน
ทางเราได้ทำการค้นหาถึงที่มาของเทคโนโลยี ICS แต่ไม่พบคำตอบ โดยจะมีผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงที่สุด คือ เทคโนโลยีของ Toyota Alphard หรือ Vellfire
จะเห็นได้ว่าหน้าตาของ Weiao BOMA EV มีความคล้ายคลึงกับ Toyota Alphard ประกอบกับชื่อเทคโนโลยีที่เหมือนกับเทคโนโลยี ICS หรือ Intelligent Clearance Sonar ของรถตู้ Alphard กับ Vellfire
รถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้ามี 4 ประเภท ดังนี้
1. รถยนต์ไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle : HEV)
หรือที่เรียกว่า “รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานผสม” ที่เครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยการเติมน้ำมัน
เพียงอย่างเดียว ส่วนเครื่องยนต์จะทำหน้าที่ปั่นไฟมาชาร์จเก็บไว้ในแบตเตอรี่ และมอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน เพื่อประหยัดน้ำมัน
2. รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Vehicle: PHEV)
หรือที่เรียกว่า “รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานผสมแบบเสียบปลั๊ก” ที่เครื่องยนต์จะทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
ซึ่งสามารถวิ่งไฟฟ้าแบบ 100% ได้ในระยะทางสั้น ๆ ตามแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น โดยจะต้องทำ
การชาร์จไฟฟ้าและเติมน้ำมันทั้ง 2 อย่าง
3. รถยนต์ไฟฟ้า 100% (Electric Vehicle : EV)
เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยจะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และมอเตอร์ไฟฟ้า แต่จะไม่มี
เครื่องยนต์ ส่วนการเติมพลังงานจะเป็นการชาร์จไฟฟ้าเข้าไปเพียงอย่างเดียว
4. รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle: FCEV)
เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก โดยใช้เทคโนโลยีไฮโดรเจนในการผลิตพลังงานไฟฟ้า คือ การเติมไฮโดรเจนและทำการแยกเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะถูกส่งไปเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ เพื่อใช้เป็นพลังงานให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อการขับเคลื่อนตัวรถยนต์ไฟฟ้า
ส่วนเทคโนโลยี e-Power จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ต้องทำการชาร์จไฟฟ้า ซึ่งทาง Nissan ได้มีการโฆษณา
จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด ซึ่งจะนำเครื่องยนต์มาทำหน้าที่ปั่นไฟฟ้าไปชาร์จเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ และจะส่งพลังงานให้กับมอเตอร์ เพื่อให้เกิดการเคลื่อนที่ โดยจะเติมน้ำมันเพียงเดียว
กลับมามองที่เทคโนโลยี ICS ที่บ่งบอกว่า ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพียงครั้งเดียว ถ้าหากไม่ต้องมีการชาร์จไฟฟ้าซ้ำ อาจจะต้องมีเครื่องยนต์เพื่อปั่นไฟฟ้า แต่มีการระบุเพิ่มเติมว่าไม่ต้องเติมน้ำมัน โดยจะได้พลังงานไฟฟ้าจาก
การ Regenerative Braking หรือ การเบรกเพื่อชาร์จไฟ
เท่าที่ทางเราได้มีการเก็บข้อมูล เรื่องการชะลอความเร็วเพื่อปั่นไฟฟ้ากลับมาชาร์จที่แบตเตอรี่ จะทำได้เพียงแค่ 30% เท่านั้น ดังนั้นการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มด้วยวิธีดังกล่าว จึงไม่มีความเป็นไปได้
และจะถูกเรียกว่า เครื่องจักรนิรันดร์ (Perpetual motion machine) เพราะว่าเทคโนโลยี ICS ที่ชาร์จ
รถยนต์ไฟฟ้าเพียงครั้งเดียว จะตรงกับคอนเซ็ปต์ของเครื่องจักรนิรันดร์ ในหลายประเทศสากลบอกว่า
มนุษย์มีความพยายามคิดค้นเครื่องจักรพลังงานนิรันดร์ที่เป็นพลังงานฟรี โดยไม่จำเป็นต้องหาพลังงานอื่นเพิ่มเติม เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ รวมทั้งมีคนที่พยายามที่จะจดสิทธิบัตร
ทางสำนักจดสิทธิบัตรบอกว่า อะไรก็ตามที่ขัดต่อกฎของฟิสิกส์ ที่พลังงานเข้าและพลังงานออกมีค่าเท่ากัน
จะทำให้ตัวรถอยู่นิ่ง แต่ถ้ารถจะเคลื่อนที่ ส่วนของพลังงานออกจะต้องมากกว่าพลังงานเข้า
โดยส่วนใหญ่จะเป็นเพียงแค่คอนเซ็ปต์ที่ไม่สามารถใช้งานได้จริง จึงไม่สามารถจดสิทธิบัตร
เพราะฉะนั้นการที่บริษัทบอกว่าเทคโนโลยี ICS มีการจดสิทธิบัตร จะต้องมีการยืนยันถึงที่มาอย่างชัดเจน
เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีการรับจดสิทธิบัตรเครื่องจักรนิรันดร์
สรุป สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่บอกว่า ชาร์จแค่ครั้งเดียว ไม่ต้องชาร์จซ้ำ ไม่ต้องเติมน้ำมัน ส่วนของตัวรถจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าจากประเทศจีน จะต้องมีการชาร์จและพวงมาลัยเป็นฝั่งซ้าย รวมทั้งการนำเข้าแบบทั้งคัน
จะเกิดความเสี่ยงไม่สามารถจดทะเบียนรถได้
และจากคำกล่าวว่าชาร์จแค่ครั้งเดียว ไม่ต้องชาร์จซ้ำ อาจจะต้องมีเครื่องยนต์ที่จะเป็นแหล่งพลังงานอื่น
ในการปั่นไฟเหมือนเทคโนโลยี e-Power ของ Nissan แต่มีการระบุเพิ่มเติมว่าไม่ต้องเติมน้ำมัน ไม่มีเครื่องยนต์
หมายความว่า จะต้องมีพลังงานอยู่ได้ด้วยตัวเอง หรือพลังงานนิรันดร์ กลายเป็นว่าไม่สามารถทำได้จริง
และทางต่างประเทศไม่มีการรับจดสิทธิบัตร จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้
เนื่องจากว่าเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย ทำให้มีจำนวนคนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับ
รถยนต์ไฟฟ้าค่อนข้างมาก และคนที่มีความรู้จะมีเพียงเฉพาะกลุ่มเท่านั้น จึงกลายเป็นช่องว่าง ทำให้คนกลุ่มนี้อาศัยจากความไม่รู้มาหากิน เอาเปรียบ และหลอกขายสินค้า
จึงขอแนะนำอยากให้ศึกษา ทำความรู้ ความเข้าใจ เพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบ เพราะเมื่อคุณต้องการซื้อ
รถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาหลักแสน จะช่วยให้ได้รถที่คุ้มค่าต่อเงินที่เสียไป รวมทั้งตัวรถจะมีความปลอดภัยตามมาตรฐานและสามารถใช้งานได้จริง
และนี้คือเรื่องราวข้อเท็จจริงของรถยนต์ไฟฟ้าที่ชาร์จเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องชาร์จซ้ำ ไม่ต้องเติมน้ำมัน
ที่คุณสามารถดูได้จากคลิปด้านล่าง ซึ่งหากคุณชอบคลิปนี้ขอฝาก กด LIKE กด SHARE กด SUBSCRIBE
ที่ช่องของพวกเราด้วยนะครับ
