เราอยู่ที่ BYD กวงไถ่ รังสิต – นครนายก
หลายคนที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายรถ BYD แต่มีความกังวลเรื่องการบริการหลังการขาย อาทิ ค่าซ่อมเมื่อเกิดการเฉี่ยวชน รูปแบบของบริการหลังขาย ความพร้อมของอะไหล่ เป็นต้น
ค่าย BYD เป็นค่ายรถยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่ที่มาทำตลาดในประเทศไทยครั้งแรก โดยมีการเปิดตัวเมื่อ
วันที่ 8 สิงหาคม 2565 ภายใต้การนำของบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ
พร้อมทั้งมีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกออกมา คือ BYD ATTO 3 ที่ได้ส่งมอบครั้งแรกเมื่อวันที่
1 พฤศจิกายนปี 2565 หลังจากนั้นได้มีการเปิดตัวรุ่นที่ 2 เป็นรถ City Car ไฟฟ้า คือ BYD Dolphin
ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมียอดส่งมอบรวมกันมากกว่า 20,000 คัน
หลายคนต่างเห็นว่าจากการที่มีคนใช้รถยนต์ไฟฟ้าของ BYD มาระยะหนึ่ง จะมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของ
การเช็คระยะ ค่าซ่อมจากการเฉี่ยวชน และความพร้อมของอะไหล่ ซึ่งวันนี้เราจะพามาดูรายละเอียดจาก
ส่วนของศูนย์บริการและ Service
ค่าใช้จ่ายการเช็คระยะรถ BYD ATTO 3 และ BYD Dolphin
BYD ATTO 3 และ BYD Dolphin มีการเช็คระยะครั้งแรกอยู่ที่ 5,000 กม. หรือ 3 เดือน อย่างใดอย่างหนึ่ง
ถึงก่อน และในครั้งต่อไปอยู่ที่ทุก ๆ 20,000 กม. หรือว่า 1 ปีอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช็คระยะอย่าง BYD ATTO 3 จะฟรีในเรื่องของ Service ค่าแรง และค่าอะไหล่
ที่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.
แต่ถ้าเป็น BYD Dolphin จะไม่มีการฟรีส่วนค่าใช้จ่ายตรงนี้ ซึ่งค่าใช้จ่ายสำหรับการเช็คระยะที่ 5,000 กม.แรก อยู่ที่ประมาณ 1,300 บาท สำหรับค่าแรง รวมทั้งค่าอะไหล่ในการเช็คระยะ
เมื่อเริ่มที่ 20,000 กม. จะเริ่มมีค่าใช้จ่ายเรื่องของอะไหล่ที่จะต้องทำการเปลี่ยน คือ กรองแอร์ ที่รวมค่าแรงและค่าอะไหล่จะอยู่ที่ 1,800 บาท และจะมีบริการส่วนเสริม คือ การสลับยางถ่วงล้อซึ่งจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของลูกค้าว่ามีความประสงค์จะทำหรือไม่
เมื่อดูรายละเอียดการเช็คระยะ ที่ระยะ 80,000 กม.จะมีค่าใช้จ่ายมากที่สุด จากเรื่องของเหลวที่เพิ่มเติมเข้ามา 3 รายการ คือ น้ำยาหล่อเย็นมอเตอร์ น้ำมันเบรก และน้ำมันชุดเกียร์ในมอเตอร์ เมื่อรวมค่าใช้จ่ายทั้งค่าแรงและ
ค่าอะไหล่จะอยู่ที่ 5,841 บาท แต่ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามต้นทุน ณ ช่วงเวลานั้น
สรุป ค่าใช้จ่ายการเช็คระยะของ BYD Dolphin ตั้งแต่ระยะแรก 5,000 – 100,000 กม. มีการประเมินค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 15,700 บาท
ราคาโดยรวมเมื่อเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายการเช็คระยะของรถยนต์น้ำมันจะเห็นได้ว่ามีราคาที่ถูกกว่าอย่างมาก
อะไหล่ที่ใช้สำหรับการเปลี่ยนในการเช็คระยะ
1. อะไหล่ของส่วนการเช็คระยะ คือ ตัวกรองแอร์ที่เป็นแผ่น Hepa Filter ของ BYD น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก และน้ำยาหม้อน้ำต่าง ๆ
2. อะไหล่ที่ใช้งานการเฉี่ยวชนต่าง ๆ เช่น กระจกมองข้างรถ ไฟหน้ารถ จะเก็บที่นี้ รวมทั้งมีอะไหล่ตัวใหญ่จำพวกกันชนหน้าและหลัง
ส่วนพาร์ทของอะไหล่ระบบไฟฟ้า คือ แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า ทางศูนย์จะไม่มีการสต๊อกสินค้าไว้
จะสั่งตรงกับทาง REVER
คลังอะไหล่ RÊVER ของ BYD
เราจะมาที่ RÊVER BYD Spare Parts Center โดยทางคุณโจ้ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลคลังสินค้าจะมาเป็น
ผู้แนะนำ
RÊVER BYD Spare Parts Center เป็นคลังที่เก็บสต๊อกชิ้นส่วนของ BYD ทั้งหมดที่วิ่งอยู่บนท้องถนน
มีพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 4,000 ตารางเมตร
โดยจะมีอะไหล่ของ BYD ATTO 3 และ BYD Dolphin เป็นบางส่วน ในปัจจุบันมีสแปร์พาร์ทประมาณ
200,000 กว่าชิ้น เมื่อเข้าไปดูด้านในจะพบว่ามีพาร์ทของ BYD Dolphin ที่กำลังทยอยเข้ามา
BYD Dolphin เพิ่งเปิดตัวและส่งมอบรถไปไม่นาน และมียอดจองประมาณ 5,000 คันบวก ๆ ส่วนยอดจองของ BYD ATTO 3 จะอยู่ที่ 15,000 คัน ซึ่งชิ้นส่วน BYD ATTO 3 อยู่ตาม Rack สูง โดยจะเป็นชิ้นส่วนขนาดใหญ่ เช่น ประตู เป็นต้น
ส่วน Rack สูง
Rack ที่ 4 กับ 5 จะเป็นของ BYD Dolphin ส่วน Rack ที่ 1 – 3 จะเป็นของ BYD ATTO 3 เราจะเห็นชิ้นส่วน Body ที่เป็นฝากระโปรง นั้นหมายความว่าส่วนนี้จะเป็นพาร์ทที่ใช้กรณีที่เกิดการเฉี่ยวชน ซึ่งเป็นส่วนที่เปลี่ยนค่อนข้างบ่อย
ชิ้นส่วนขนาดใหญ่ใน Rack จะสามารถประกอบรถได้ 1 คัน โดยมีพาร์ทของ BYD ATTO 3 ครบ 100 %
ส่วน Micro Rack
จะสต๊อกชิ้นส่วนขนาดเล็ก เช่น น็อต สกรู สายท่อ สายยาง สายไฟ เป็นต้น
โดยเรายกตัวอย่างอะไหล่ของ BYD Dolphin จะเป็นสายไฟเซ็นเซอร์ ที่เป็นระบบสายไฟ ระบบ Cooling System ที่รถยนต์ไฟฟ้าจะมีชิ้นส่วนขนาดเล็กจำนวนมาก
ดังนั้นส่วนนี้จะมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สายไฟ ระบบ Cooling System ซึ่งของ BYD จะเป็นระบบระบาย
ความร้อนด้วยฮีทปั๊ม คือ การใช้น้ำยาแอร์มาระบายความร้อน
ส่วนของแบตเตอรี่
ห้องเก็บแบตเตอรี่จะควบคุมอุณหภูมิอยู่ประมาณ 25 องศา ซึ่งด้านในห้องแบตเตอรี่จะแบ่งเป็นฝั่งของ
BYD Dolphin และฝั่งของ BYD ATTO 3
จะเห็นว่ามีการสต๊อกแบตเตอรี่ที่เพียงพอในระดับหนึ่ง เพราะการเปลี่ยนแบตเตอรี่มีจำนวนน้อยมาก
จึงเป็นการ Backup เอาไว้เผื่อเคสฉุกเฉิน ซึ่งแบตเตอรี่ของ BYD มีการผลิตแบตเตอรี่เป็นของตัวเอง คือ
Blade Battery โดยตัวอย่างของแบตเตอรี่ จะเป็นแบตเตอรี่แพ็คของ BYD Dolphin
จากที่เห็นน่าจะทำให้หลายคนคลายความกังวล ถ้าหากรถยนต์ไฟฟ้า BYD มีปัญหาที่แบตเตอรี่เกิด
การกระแทก ทางคลังได้มีการเตรียมแบตเตอรี่ที่พร้อมทำการเปลี่ยนใหม่
ส่วนยางล้อ
ยางล้อของ BYD ATTO 3 จะใช้ยางล้อของ ATLAS หรือรุ่น Batman ส่วนยางล้อของ BYD Dolphin
จะใช้ยางล้อของ Linglong ซึ่งทั้ง 2 บริษัทจะอยู่ในเครือเดียวกันที่ทำยางล้อรถยนต์ไฟฟ้า BYD ที่ประเทศจีน
ATLUS
Linglong
ส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้า
ตัวอย่างมอเตอร์จะเป็นของ BYD Dolphin
ซึ่งมอเตอร์ของ BYD ส่วนใหญ่ จะรวมชุดคอนโทรล MCU On Board ไว้เรียบร้อยแล้วประมาณเป็น
Three in One หรือ Seven in One
เมื่อเราเห็นส่วนไฟฟ้าที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ หรือมอเตอร์ การสั่งพาร์ทดังกล่าวจะมีใบออเดอร์จากศูนย์ แล้วทางคลังจัดพาร์ทตามรายการและนำมาเรียงกัน โดยแยกตามแต่ละลูกค้า
การจัดส่ง
ถ้าอยู่ในพื้นที่โซนกรุงเทพฯและปริมณฑลใช้เวลาจัดส่งประมาณ 1 วัน แต่ถ้าเป็นต่างจังหวัดจะใช้เวลาจัดส่งประมาณ 2 – 4 วัน ขึ้นอยู่กับระยะทาง
จากการเตรียมอะไหล่ที่อยู่ในคลัง เพื่อนำมาจัดส่ง เราจะมาดูตัวอย่างที่มีการส่งอะไหล่ไปที่ศูนย์ชลบุรี
โดยส่วนใหญ่จะเป็นชิ้นส่วนจำพวกกันชนหน้า Front Bumper Rear Bumper กระจังหน้า และกระจกหน้า
จะเห็นได้ว่าจะเป็นชิ้นส่วนสำหรับการซ่อม กรณีที่เกิดการเฉี่ยวชน
ในอนาคตทาง BYD มีแผนจะโยกย้ายไปที่คลังใหม่ที่มีขนาดใหญ่มากกว่าเดิม จาก 4,000 ตารางเมตร เป็น 180,000 ตารางเมตร โดยสามารถสต๊อกอะไหล่ได้มากถึงล้านชิ้น
รวมทั้งทาง BYD กำลังขยายตลาด ที่ในอนาคตงาน Motor Expo จะมีรถรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น
ดังนั้นทางด้านของคลัง อะไหล่ จะต้องมีความพร้อมที่สามารถรองรับกับรถรุ่นใหม่ ๆ
งานซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าของ BYD มี 3 รูปแบบ ดังนี้
1. งานซ่อมไซส์ Light (เบา) มีค่าใช้จ่ายไม่เกิน 20,000 บาท
เช่น การเปลี่ยนกระจก ซ่อมกันชน เป็นต้น จะใช้เวลาในการซ่อม 2 วัน
2. งานซ่อมไซส์ Medium (ปานกลาง) มีค่าใช้จ่ายไม่เกิน 130,000 บาท
จากรถที่นำมาซ่อมที่ศูนย์ โดยจะต้องเปลี่ยนไฟหน้า ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท โดยค่าใช้จ่าย
จะหนักที่ค่าอะไหล่ และอาจจะมีการเช็คช่วงล่าง เพราะบังโคลนเบียดซุ้มล้อ
3. งานซ่อมไซส์ Heavy (หนัก) มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 130,000 บาทขึ้นไป
จากเคสรถที่ประสบอุบัติเหตุโดนรถสิบล้อเฉี่ยวชนที่ด้านหลัง ซึ่งมีส่วนเสียหายอย่างมาก จะต้องทำการเปลี่ยนอะไหล่หลายชิ้นถึงบังโคลน มีการเปลี่ยนประตู และซ่อมในจุดต่าง ๆ แต่เนื่องจากว่าแบตเตอรี่ไม่ได้รับความเสียหาย ทำให้ค่าซ่อมยังไม่เกินทุนประกัน
ซึ่งการซ่อมและทำสีจะทำที่นี้ทั้งหมด โดยเมื่อเปลี่ยนอะไหล่เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีการทำสีให้เหมือนกับตัวรถ ซึ่งศูนย์นี้จะมีห้องทำสีจำนวน 2 ห้อง ส่งผลให้งานซ่อมเสร็จเร็ว จากเคสตัวอย่างงานชนหนักจะใช้เวลาในการซ่อมประมาณ 15 วัน
ภายในห้องช่างกำลังพ่นสี จะใช้สีที่แห้งช้า 2K หลังจากทำการพ่นสีเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องอบสี
ซึ่งงานที่เห็นจะเป็นงานประมาณไซส์ Light ที่ทำประตูชิ้นเดียว โดยจะเสร็จภายใน 2 วัน เมื่อผ่านขั้นตอนนี้
จะนำชิ้นส่วนมาประกอบ
ส่วนของงานประกอบ เมื่ออบสีเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะนำชิ้นส่วนมาประกอบกับรถ หลังจากนั้นจะนำไปขัดสีเก็บรายละเอียด และทำความสะอาดรถ หลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบก่อนส่งมอบรถให้กับลูกค้า
ขั้นตอนทั้งหมดจะทำทุกไซส์งานเริ่มตั้งแต่ Light Medium และ Heavy ที่ใช้เวลา 15 วัน โดยจะทำที่นี้ทั้งหมด เนื่องจากมีความพร้อมทั้งในเรื่องของอะไหล่ และเครื่องมือสำหรับงานซ่อม
สรุป สำหรับบริการหลังการขายของค่ายรถยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่อย่าง BYD ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ในเรื่องของการเช็คระยะ จะเห็นว่ามีการเช็คระยะทุก 20,000 กม. ส่วนค่าใช้จ่าย 100,000 กิโลเมตรแรกจะไม่เกิน 15,000 บาท หากเทียบกับรถน้ำมันจะถูกกว่าอย่างมาก
ส่วนเรื่องของอะไหล่ที่คลังของทาง RÊVER Automotive ประเทศไทย จะมีการสต๊อกแบตเตอรี่และมอเตอร์ไว้เรียบร้อยแล้ว แถมเรื่องของการจัดส่งและใช้เวลาเพียงแค่ 2 – 4 วัน ก็ถึงหน้าศูนย์ นอกจากนี้ทางคลังจะมีแผนการที่จะขยายไปถึงขนาด 18,000 ตารางเมตร ซึ่งสามารถรองรับชิ้นส่วนได้มากถึง 1 ล้านชิ้นในเดือนกันยายน 2566
ที่เห็นจะเป็นอะไหล่ของ BYD ATTO 3 และ BYD Dolphin เท่านั้น แต่ในอนาคตจะต้องมีรุ่นใหม่มากกว่านี้แน่นอน
ส่วนเรื่องของการซ่อมทางแต่ละศูนย์จะมีการซ่อมสีตัวถังครบจบในที่เดียว หากมีอะไหล่เพียงพอ การซ่อมจากกรณีการชนหนักจะใช้เวลาซ่อมเพียง 15 วันเท่านั้น โดยค่าใช้จ่ายสำหรับการซ่อมจะมีประกันรับรองไว้
และนี้คือเรื่องของบริการหลังการขายของ BYD ซึ่งคุณสามารถดูได้จากคลิปด้านล่างและถ้าหากคุณชอบคลิปนี้ขอฝาก กดLIKE กด SHARE กด SUBSCRIBE ที่ช่องของพวกเราด้วยนะครับ