จากคลิปไวรัลที่แชร์อย่างแพร่หลายใน TikTok กรณีที่รถยนต์ไฟฟ้าตกน้ำ คือ รถ BYD ATTO 3 ที่เจ้าของรถเพิ่งซื้อออกมา ซึ่งเกิดเหตุขึ้นที่กลางเมือง ณ ถนนวิภาวดีรังสิต ซอย 28
เจ้าของรถต้องหาทางเอาตัวรอดจากรถที่จมอยู่ในคลอง โดยการเปิดกระจกหนีออกมาได้ทัน
ซึ่งระหว่างเกิดเหตุในคืนวันที่ 21 กรกฎาคม 2566 เป็นวันที่เกิดฝนตกหนักมากและระดับน้ำท่วมสูงเสมอกับถนน
ทำให้ไม่ทราบว่าตรงไหนที่เป็นถนน หรือตรงไหนที่เป็นคลอง
ตอนที่เจ้าของรถเลี้ยวเข้าไปที่ซอยวิภาวดี 28 ในตอนแรกเจ้าของรถเข้าใจว่าขับรถตกหลุม แต่เมื่อเหยียบคันเร่ง ปรากฏว่าตัวรถทิ้งดิ่งตกลงไปในคลอง ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุไม่มีป้ายสัญญาณเตือนว่าเป็นพื้นที่ก่อสร้าง
หรือไม่มีรั้วกัน เป็นความเสี่ยงที่รถจะเกิดอุบัติเหตุตกลงในคลอง
แต่ดีที่เจ้าของรถสามารถเปิดหน้าต่างออกได้ทัน เพราะระบบไฟฟ้าภายในตัวรถคงยังทำงานอยู่
ทางเจ้าของรถยืนยันและถ่ายสถานที่เกิดเหตุมาให้ดู
โดยวันที่ 23 กรกฎาคม 2566 ทางสำนักงานเขตทางหลวงได้รับเรื่องเรียบร้อยแล้วจากเคสอุบัติเหตุนี้
มีการแจ้งผู้รับเหมาให้ไปตรวจสอบถึงสาเหตุ รวมทั้งอาจจะต้องมารับผิดชอบและเยียวยาผู้เสียหาย
เรื่องระหว่างเจ้าของรถ BYD ATTO 3 ที่ขับรถตกน้ำ กับเรื่องของกรมทางหลวงอยู่ระหว่างกระบวนการ
การไต่สวนและการเยียวยา
ความปลอดภัยของรถยนต์ไฟฟ้า
ที่เมื่อเกิดเหตุขับรถตกน้ำ จะเกิดไฟรั่วหรือไฟดูด หรือมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย รวมทั้งแนวทาง
การปฏิบัติของคนขับ
ซึ่งเราจะต้องเน้นย้ำเรื่องของความปลอดภัยจากเคสรถ BYD ATTO 3 ที่ตกน้ำ หรือ รถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla
ที่ตกน้ำเช่นกัน
จะเห็นได้ว่าระบบไฟฟ้าของตัวรถยังไม่ดับ อย่างเคสของรถ BYD ATTO 3 ที่เจ้าของรถยืนยันว่าตอนที่รถตกลง
ไปในน้ำ ระบบไฟฟ้ายังคงใช้การได้ ไฟหน้ายังคงติดอยู่ประมาณ 30 – 40 นาทีกว่าจะดับ
นั้นหมายความว่าตัวรถมีค่าการป้องกันน้ำมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมาตรฐานในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะมี
ค่าที่เรียกว่า IP (Ingress Protection Ratings) คือ มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น โดยปกติแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าจะมีค่าการป้องกันน้ำ เพราะทั้ง 2 อย่าง อยู่ในระดับที่ต่ำจากตัวรถยนต์ไฟฟ้าและใกล้กับพื้นถนน
จึงต้องมีค่าป้องกันน้ำค่อนข้างสูง เพื่อเวลาขับรถตอนน้ำท่วมหรือลุยน้ำ
ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ระดับ 65 -67 ซึ่งค่า 67 หมายถึง สามารถกันน้ำได้ลึก 1 เมตร ไม่เกิน 30 นาที
ซึ่งคนขับรถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นที่จะต้องขับลุยน้ำ สามารถขับได้โดยน้ำไม่เข้า แต่ถ้าน้ำลึกเกิน 1 เมตร และเกิน 30 นาที ตัวซีลยางจะเอาไม่อยู่
จะเห็นได้ว่ารถ BYD AUTTO 3 ที่ระบบไฟฟ้าดับ ช่วงเวลาก่อนที่ระบบไฟฟ้าจะดับที่ใช้เวลา 40 นาที
ตัวเวลา 40 นาที ทางผู้ผลิตรถได้ทำออกมาเผื่อค่า Safety Factor ไว้แล้ว โดยปกติจะเป็นเวลา 30 นาที
แต่ได้มีการทำเผื่ออีก 10 นาที หรือประมาณ 25 – 30% ซึ่งทางค่ายรถจะต้องทำเผื่อไว้ เพื่อความปลอดภัย
การขับรถยนต์ไฟฟ้าลุยน้ำท่วม
ปกติในแต่ละค่ายรถจะมีการกำหนดมาตรฐานในการขับลุยน้ำ หรือ Water Drive Test ซึ่งส่วนใหญ่จะแนะนำ
ไม่ให้เกินกึ่งกลางล้อรถ เพราะว่ามอเตอร์จะอยู่ที่บริเวณนั้นที่ขับลงเพลาโดยตรง หากเกินขึ้นมามีโอกาสที่น้ำจะ
เข้าไปในระบบอื่น ๆ ค่อนข้างสูง หรือถ้าเกินก็ไม่ควรเกิน 30 นาที โดยส่วนใหญ่ที่อยู่ที่ระดับ 40 – 50 ซม.
เวลาที่ทำการทดสอบการขับรถยนต์ไฟฟ้าลุยน้ำ เป็นมาตรฐานในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในหลาย ๆ ค่ายรถทั่วโลก
สิ่งที่คนขับรถยนต์ไฟฟ้าควรรู้ ถ้าระบบไฟฟ้าในรถไม่ทำงานจะทำอย่างไร
เพราะทั้งเคสของรถ BYD ATTO 3 และรถ Tesla ที่ตกลงในน้ำ ตัวรถยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ หากระบบไฟฟ้าเกิดดับขึ้นมา ทางคนขับต้องรู้ว่าควรจะเปิดประตูแบบ Manual หรือใช้มือเปิดประตู ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเป็นระบบเปิดประตูแบบใช้ไฟฟ้า
หมายความว่าถ้าระบบไฟฟ้าภายในรถเกิดการช็อต หรือดับ รวมทั้งรถที่ประสบอุบัติเหตุเกิดการชนและตกน้ำ จนทำให้ระบบไฟฟ้าไม่ทำงาน คนส่วนใหญ่ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอาจจะละเลยไม่ศึกษาว่าควรจะทำอย่างไร
จึงควรที่จะศึกษาจากคู่มือรถ เผื่อกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุฉุกเฉิน จะสามารถเอาตัวรอดออกมาได้ทันท่วงที
ดังนั้น เรื่องของความปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่ผ่านมาตรฐานการทดสอบ
Water Drive Test มีค่าการป้องกัน IP 67 และ65 เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าตกน้ำ จะเห็นได้ว่าไม่เกิดไฟดูด หรือรั่วออกมา และคนขับรถสามารถออกมาได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งระบบไฟฟ้ายังคงทำงานอยู่ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะดับ
ประกอบกับตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้ผ่านมาตรฐานมาเรียบร้อยแล้ว
ส่วนเรื่องของทางคนขับ จะต้องเรียนรู้เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตุ ที่ระบบไฟฟ้าในตัวรถไม่ทำงาน
จากการเกิดการเฉี่ยวชนและตกน้ำลงไป ต้องรู้วิธีการเปิดประตูออกมา จึงควรศึกษาจากคู่มือ เพื่อหาทางออกจากสถานการณ์เหล่านั้น
การประกันรถ
จาก 2 เคสที่กล่าวมา คือ รถ Tesla และรถ BYD ATTO 3 ที่ตกลงไปในน้ำ
สำหรับรถ BYD ATTO 3 ที่รถจมลงไปในน้ำช่วงเวลาหนึ่งและกู้ซากขึ้นมา ทางประกันดำเนินการตรวจสอบ
ค่าซ่อม โดยคำนึงถึงมูลค่าและความคุ้มค่า ซึ่งล่าสุดค่าซ่อมเกิน 70% ของทุนประกัน จึงตีเป็นการคืนทุนประกันให้กับเจ้าของรถ เนื่องจากค่าซ่อมมีราคาที่สูง โดยเฉพาะแบตเตอรี่ของรถ BYD ATTO 3 มีราคาอยู่ที่ 5 -6 แสนกว่าบาท
ส่วนเคสของรถ Tesla ที่ตกลงไปในน้ำ เป็นรถที่นำเข้ามาโดย Grey หรือผู้นำเข้าอิสระ เท่าที่ทราบมาแบตเตอรี่มีราคาอยู่ประมาณ 6 แสนบาท ตัวอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รวมค่าใช้จ่าย คือ อะไหล่มีการนำเข้าอิสระเข้ามา
ทำให้ Deal ค่อนข้างยาก ใช้เวลานานและมีราคาแพง สุดท้ายทางศูนย์ประเมินว่าขอคืนทุนประกัน
เพราะซ่อมแล้วไม่คุ้มค่า จึงทำเรื่องจะขอคืนทุนประกันโดยยังอยู่ระหว่างการอนุมัติกับทางประกัน
สรุป สำหรับเคสรถยนต์ไฟฟ้าตกน้ำ ที่ทางเราเน้นย้ำเรื่องของความปลอดภัย การใช้รถยนต์ไฟฟ้าใน
ช่วงหน้าฝนที่ต้องระมัดระวัง แต่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถขับลุยน้ำได้อย่างปลอดภัย โดยจะต้องคำนึงถึงระดับความลึกของน้ำ รวมถึงเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ที่ทางคนขับลุยน้ำท่วมมาและจะไม่ทราบถึงระดับความลึกของน้ำบริเวณนั้น
และถ้าหากคนขับรู้แล้ว เมื่อขับรถไปสักพักควรหาที่พักอย่าให้เกิน 30 นาที ไม่อย่างนั้นระบบไฟฟ้าในระยะยาวจะมีปัญหาตามมา เพราะหลายเคสที่รถยนต์ไฟฟ้าจมน้ำและนำไปซ่อม ยกตัวอย่าง เคสของต่างประเทศ
ตัววงจรอิเล็กทรอนิกส์จมน้ำเป็นเวลานาน จะเกิดเชื้อราและแบคทีเรีย กลายเป็นว่าเมื่อทำการซ่อมรถแล้ว
อาจจะใช้งานได้ แต่จะไม่รู้ว่าวันหนึ่งอาจจะเกิดไฟช็อตและมีปัญหาในระยะยาวก็เป็นไปได้
และนี้คือเร่ืองราวจากเคสที่โด่งดังจากที่รถยนตืไฟฟ้าตกลงไปในน้ำ ซึ่งคุณสามารถดูเรื่องนี้ได้จาก
คลิปด้านล่างและถ้าหากคุณชอบคลิปนี้ขอฝาก กดLIKE กด SHARE กด SUBSCRIBE
ที่ช่องของพวกเราด้วยนะครับ