ยางรถไฟฟ้า ทำไมแพงกว่ายางทั่วไป!? ต่างกันตรงไหน? โอกาสส่งออกยางรถไทยโตรับกระแส EV

          จากกระแสการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจและอาชีพใหม่ ๆ และ

หากคุณต้องการมองหาสิ่งเหล่านี้ทางเรามีคอร์สสร้างอาชีพสำหรับยุคของรถยนต์ไฟฟ้า คือ คอร์สการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า คอร์สซ่อมแซมทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รวมทั้งคอร์สที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งพลังงาน โซล่าเซลล์ หากสนใจสามารถติดต่อแอดไลน์ : @welldone.guarantee

สาเหตุที่การส่งออกยางรถยนต์ไฟฟ้าเป็นโอกาสของคนไทย

          เมื่อพูดถึง Mega Trend ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน คือ Mega Trend รถยนต์ไฟฟ้า ที่ทั้งในประเทศไทยและ
ต่างประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นอย่างมาก

         มีการคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2030 จะมีมูลค่าอยู่ที่ 1,716.8 พันล้าน USD

แต่ในปี 2023 มีมูลค่าอยู่ที่ 255.5 พันล้าน USD ซึ่งจะเห็นได้ว่าอัตราการเติบโตสูงถึง 10 เท่า โดยแต่ละปี

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะเติบโตโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 23% ทุกปี

          จากการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าย่อมมีความต้องการในเรื่องของชิ้นส่วนที่ต้องใช้ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และจะมีชิ้นส่วนที่จะต้องสึกหรอ อย่าง ยางรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะต้องมีการเปลี่ยนตามอายุหรือตามระยะทาง

           ชิ้นส่วนของยางรถยนต์เป็นสิ่งที่ประเทศไทยควรคว้าโอกาสไว้ เนื่องจากว่าในปี 2565 ประเทศไทยเป็น

ผู้ส่งออกยางรถยนต์เป็นอันดับ 2 ของโลก มีสัดส่วนอยู่ที่ 7.1% ของการส่งออกยางรถยนต์ทั่วทั้งโลกที่เป็น
อันดับรองลงมาจากประเทศจีนที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 20.7%

          ประเทศไทยเป็นแหล่งในการผลิตวัตถุดิบที่สำคัญต่อการผลิตยางรถยนต์ไฟฟ้า คือ ยางพารา ที่มีคุณภาพดี

เหตุผลที่ประเทศไทยควรจะต้องต่อยอดการผลิตยางรถยนต์ไฟฟ้า

         เนื่องจากว่าอุตสาหกรรมยางทางภาครัฐเป็นผู้ควบคุมและส่งเสริม ซึ่งภาครัฐมีนโยบายเพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งในส่วนของตัวรถและยางล้อรถ โดยมีการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ

          เพื่อรองรับในการพัฒนาส่วนของยางล้อรถยนต์ไฟฟ้า ที่ทางคุณเวลได้ไปที่ศูนย์ที่ทดสอบแบตเตอรี่ 

ซึ่งศูนย์ทดสอบยางและล้อจะอยู่ในพื้นที่เดียวกันแต่ยังสร้างไม่เสร็จ ชื่อของศูนย์คือ Automotive and Tyre Testing Research and Innovation Center ตั้งอยู่ที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยมีเป้าหมาย
ยกระดับคุณภาพตัวยาง จากยางที่ใช้ผลิตล้อรถยนต์ที่ใช้น้ำมันจะต้องเปลี่ยนมาขายในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้

           สำหรับผู้ที่สามารถทำได้ทางกรมอุตสาหกรรมมีการให้สิทธิพิเศษการยกเว้นภาษีนิติบุคคล 8 ปี 

การยกเว้นภาษีอากรนำเข้าเครื่องจักรทั้งหลาย เพื่อยกให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร 

จะเห็นได้ว่ามีการสนับสนุนให้เกิดการผลิตและมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ สำหรับยางล้อรถยนต์ไฟฟ้า

ยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าดีกว่ายางล้อรถยนต์น้ำมันอย่างไร

            ตัวยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าจะมีราคาที่สูงกว่ายางล้อรถยนต์น้ำมันประมาณ 2 – 3 เท่า จากการที่ราคายางล้อ
รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาแพง นั้นหมายถึงเราสามารถผลิตและขายสินค้าในราคาที่สูงขึ้น รวมทั้งต้นทุนในการผลิตยาง

จะถูกกว่า

ข้อดีสำหรับผู้ที่ผลิตยางล้อรถยนต์น้ำมันจะต้องหันมาผลิตยางรถยนต์ไฟฟ้า

         เนื่องจากว่าการผลิตยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้การผลิตยางรถยนต์ จากที่ยางล้อ

รถยนต์ไฟฟ้า 1 เส้น มีราคาที่แพงกว่าราคายางรถยนต์น้ำมันประมาณ 2 – 3 เท่า

           จากจุดเด่นเรื่องสมรรถนะการใช้งานและความทนทานที่ยางล้อรถยนต์ไฟฟ้ามีมากกว่ายางล้อรถยนต์น้ำมัน ดังนั้นจึงสามารถขายในราคาที่แพงกว่า
          หากเปิดโครงสร้างในการผลิตยางล้อรถยนต์ไฟฟ้า ยางล้อรถยนต์ไฟฟ้า 1 เส้นจะมีกำไรสูงกว่ายางล้อ

รถยนต์น้ำมันอยู่ที่ 18% ส่วนต้นทุนการผลิตยางรถยนต์ไฟฟ้าจะแพงกว่ายางล้อรถยนต์น้ำมันที่ 2.1 เท่า 

โดยเฉพาะเรื่องของค่าวัสดุ แต่ราคายางล้อรถยนต์ไฟฟ้าขายได้ในราคาที่แพงกว่าโดยเฉลี่ย 2.6 เท่า 

         ดังนั้นเมื่อนำราคาขายมาหักจากค่าใช้จ่ายยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าจะมีกำไรต่อเส้นอยู่ที่ 30% ส่วนยางล้อรถยนต์น้ำมันจะมีกำไรต่อเส้นอยู่ที่ 12% แสดงถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มในการผลิตยางรถยนต์

คุณสมบัติของยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าที่แตกต่างยางล้อรถยนต์น้ำมัน

1. ยางล้อรถยนต์ไฟฟ้ามีความแข็งแรงและรับปริมาณน้ำหนักมากกว่า

         ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ามีน้ำหนักมากกว่ารถยนต์น้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 400 – 500 กิโลกรัม หรือประมาณ 0.5 ตัน

เพราะว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะต้องรับน้ำหนักของตัวแบตเตอรี่ที่ขนาดจะใหญ่ขึ้นตามความต้องการระยะการวิ่ง 

ดังนั้นตัวยางล้อจะต้องรับภาระที่เพิ่มขึ้น สังเกตได้จากผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าและนำยางล้อรถยนต์น้ำมันมาใช้จะเกิด

การสึกหรออย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นการออกแบบยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องรับน้ำหนักได้ทั้งในส่วนของ

โครงสร้างตัวลวดที่มีขนาดใหญ่และตัวแก้มยางที่แข็งมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบระหว่างยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าและ

ยางล้อรถยนต์น้ำมัน 1 เส้น ตัวยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าสามารถรองรับน้ำหนักได้มากกว่า 10 – 20%

2. ยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าจะลดเสียงรบกวน

          เวลาขับรถยนต์ไฟฟ้าจะไม่มีเสียงเครื่องยนต์ เสียงที่ดังที่สุด คือ เสียงที่มาจากล้อ ทุกเวลาที่ล้อสัมผัสกับพื้น

จะเกิดเสียง ดังนั้นยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าจึงต้องมีการตัดเสียงรบกวน เมื่อดูด้านในของยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าจะมี

ตัวโฟมทำหน้าที่ดูดซับเสียงในช่วงที่หน้ายางสัมผัสพื้น ส่งผลให้ยางล้อรถยนต์ไฟฟ้ามีเสียงที่เงียบกว่ายางล้อ

รถยนต์น้ำมัน

3. เรื่องของความทนทาน

          ตัวยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าจะมีความทนทานมากกว่ายางล้อรถยนต์น้ำมัน จากการที่รถยนต์ไฟฟ้ามีน้ำหนัก

ที่มากกว่าและอัตราการเร่งจาก 0 – 100 เวลาออกตัวรถที่ดีกว่าเพราะมีแรงบิดที่มากกว่า

           เพราะฉะนั้นส่วนของวัตถุดิบยางจะต้องมีความเหนียวที่มากกว่าจึงมีการผสมซิลิกาลงไปในเนื้อยาง
ส่งผลให้ยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าทนต่อการเฉือน แรงบิด การฉีกขนาด มากกว่ายางรถยนต์น้ำมัน

4. ยางล้อรถยนต์ไฟฟ้ามีการยึดเกาะที่แข็งแรงกว่า

          จากการที่รถยนต์ไฟฟ้ามีอัตราเร่งเฉลี่ยอยู่ที่ 4 – 5 วินาที ในช่วงเสี้ยววินาทีเวลาที่เหยียบอัตราเร่งเพื่อพุ่งแซงในการเข้าโค้ง เรื่องของการยึดเกาะจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในเรื่องของความปลอดภัย

5. การลดการต้านแรงหมุน

         รถยนต์ไฟฟ้ามีขีดจำกัดเรื่องระยะทางการวิ่ง ซึ่งยางล้อรถที่มีแรงการต้านแรงหมุนมากจะใช้พลังงาน
จำนวนมาก ทำให้ตัวยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องลดการต้านการหมุนเมื่อสัมผัสกับถนน ซึ่งถ้าสามารถลด

การต้านแรงหมุนเพิ่มมากขึ้นจะช่วยลดการใช้พลังงาน จึงเป็นเหตุผลเวลาที่ยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าแบนจะต้อง
เติมลมยาง เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานและต่อระยะทาง

อายุการใช้งานของยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อเทียบกับยางรถยนต์น้ำมัน

          ยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6 ปี ส่วนยางรถยนต์น้ำมันจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 ปี
          ส่วนของระยะทางที่ควรทำการเปลี่ยนล้อ ทั้งยางรถยนต์ไฟฟ้าและยางรถยนต์น้ำมันจะไม่มีความแตกต่างกัน เพราะว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่มีน้ำหนักมากและมีแรงบิดอัตราเร่งที่สูงกว่า มีข้อแนะนำให้ควรเปลี่ยนที่ระยะ 

40,000 – 60,000 กิโลเมตร โดยอ้างอิงจากเว็บไซด์ของ Tesla

ราคาค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าและยางล้อรถยนต์น้ำมันของแต่ละแบรนด์

1. MICHELIN

          ยางล้อรถยนต์น้ำมันจะเป็น MICHELIN PILOT SPORT S 5 ถ้าเปลี่ยนมีราคาเส้นละ 5,900บาท / 4 เส้น ราคาอยู่ที่ 23,600 บาท

 

           ยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็น MICHELIN PILOT SPORT EV ที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ถ้าเปลี่ยนมีราคาเส้นละ 12,190 บาท / 4 เส้น ราคาอยู่ที่ 84,760 บาท

2. Continental

           ยางล้อรถยนต์น้ำมันจะเป็น Continental ComfortContact ถ้าเปลี่ยนมีราคาเส้นละ 2,300 บาท / 4 เส้น ราคาอยู่ที่ 9,200 บาท

           ยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าจะ CONTINENTAL EcoContact 6 ยกตัวอย่างที่ใช้กับรถ MG EV ถ้าเปลี่ยนมีราคา

เส้นละ 6,520 บาท / 4 เส้น ราคาอยู่ที่ 26,080 บาท

3. Hankook

          ยางล้อรถยนต์น้ำมันจะเป็น Hankook Ventus V12 evo2 ถ้าเปลี่ยนมีราคาเส้นละ 3,250 บาท / 4 เส้น 

ราคาอยู่ที่ 13,000 บาท

           ยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็น Hankook Ventus S1 evo3 ยกตัวอย่างที่ใช้กับรถ MG EV ถ้าเปลี่ยนมีราคา

เส้นละ 7,662 บาท / 4 เส้น ราคาอยู่ที่ 30,648 บาท

           สรุป เหตุผลที่ยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นโอกาสของคนไทยในการผลิตส่งออกยางรถยนต์ จากที่ประเทศไทยผลิตยางล้อรถยนต์ส่งออกเป็นอันดับที่ 2 ของโลก และสามารถผลิตได้ตั้งแต่ต้นน้ำจากแหล่งผลิตยางคุณภาพดี คือ ยางพารา ไม่ว่าจะเป็นยางแท่ง ยางแปรรูปจนมาเป็นยางล้อรถที่จะนำมาใช้งาน
          ยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นการเพิ่มมูลค่าในการผลิตยางล้อรถยนต์ซึ่งมีราคาแพงที่กว่ายางล้อรถยนต์น้ำมันประมาณ 2 เท่ากว่า ๆ จึงเป็นโอกาสที่จะสร้างรายได้มากขึ้นจากการที่เรามีฐานการผลิตอยู่ เพียงแต่จะต้องเรียนรู้ Know-how ในการผลิตยางล้อรถไฟฟ้าที่สามารถสร้างรายได้ให้กลับเข้าประเทศมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่อยากให้

ประเทศไทยพลาดโอกาสจากกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตขึ้นทั้งโลกพร้อมกัน

        และนี้คือเรื่องราวของยางล้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ถือเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญจากกระแสของรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรง ซึ่งุรสามารถดูเรื่องราวทั้งหมดได้จากคลิปด้านล่าง และถ้าหากคุณชอบคลิปนี้ขอฝากกดLIKE กด SHARE 

กด SUBSCRIBE ให้ด้วยนะครับ

Share

FOLLOW US


WELLDONE GUARANTEE

452 Pecthkraseam Rd. Laksong Bangkhae, Bangkok 10160
Email : welldone.guarantee@gmail.com Tel. 0889415944

Copyright © 2022 EV GUARANTEE All rights reserved.