ซึ่งในวันนี้ทางคุณเวลได้รับหน้าที่มาเป็นพิธีกร ซึ่งต้องขอขอบคุณทาง Bangkok International Motor Show จากที่รถยนต์ไฟฟ้ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและมีการเปิดตัวรถ Segment ใหม่ที่หลายคนรอคอย คือ รถตู้ไฟฟ้าที่ออกมาแล้ว
และมีแนวโน้มในปี 2023 คนจะหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนมากกว่า 50,000 คัน ซึ่งถ้ารถยนต์ไฟฟ้ามีจำนวนมากขึ้น
ดังนั้นวันนี้เราจะมาคุยกับแต่ละฝ่ายในเรื่องของการปรับตัวของโอกาสทางธุรกิจในอนาคตข้างหน้า
เริ่มแรกจะคุยเกี่ยวกับเรื่องของการไฟฟ้า ถ้าคนเริ่มมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นจะเกิดปัญหาและมีการรับมืออย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าในภาพรวมนั้นทางการไฟฟ้ายังคงยืนยันว่าไฟฟ้ามีจำนวนที่มากเพียงพอ
แต่จะเกิดปัญหาเมื่อมีการกระจุกตัวการใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก ยกตัวอย่างหมู่บ้านที่มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดอาจทำให้เกิดปัญหาจำนวนไฟฟ้าไม่เพียงพอ ดังนั้นการแก้ไขปัญหาต้องแก้จุดที่กระจุกตัว
ซึ่งมีการปรึกษาระหว่างทั้ง 3 การไฟฟ้า ซึ่งถ้าไม่มีการตกลงกัน ยกตัวอย่าง ถ้ามีหมู่บ้านที่ไฟฟ้ามีจำนวนที่
ไม่มากพอ จะทำการเปลี่ยนเป็นหม้อแปลง 1,000 kVA มีการปักเสาและพาดสายเพิ่มขึ้น โดยไม่มีภาพลักษณ์ที่
สวยงาม เพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าเพียงไม่กี่ชั่วโมง ถือว่าเป็นการแก้ไขเฉพาะหน้าที่ควรเป็นคำตอบสุดท้าย
ดังนั้นจะต้องมีการออกแบบล่วงหน้ามาก่อน
ในส่วนการชาร์จไฟฟ้า ทางการไฟฟ้ามีการรณรงค์ให้เปลี่ยนเป็น TOU มิเตอร์ ทางผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะทำ
การจับเวลาให้ชาร์จไฟฟ้าตอนสี่ทุ่มที่คิดค่าไฟฟ้า 2.60 บาท
วิธีการของทางการไฟฟ้า มีการทดลองติดต่อกับหมู่บ้านที่อินเทรนด์ โดยมีการติดตั้งตัวหม้อแปลงพร้อมกับระบบ TLM Transformer Load Monitoring เพื่อวัดกระแสไฟฟ้าในแต่ละเฟส หลังจากนั้นจะลิงค์ไปหาตัว Charger ซึ่งตัว Charger จะถูกออกแบบถึงความต้องการชาร์จไฟฟ้าและต้องการใช้ไฟฟ้ากี่แอมป์ ซึ่งถ้าทุกตัวอย่างมีรูปแบบคำถามแบบนี้เหมือนกัน จะสามารถใช้หม้อแปลงที่มีขนาดเล็กได้
และหลักการนี้ทุก Consortiums จะต้องดำเนินการตามแนวทางนี้ในอนาคต รวมทั้งต้องส่งสัญญาณข้อมูลเรื่องจำนวนแอมป์ที่ชาร์จไฟฟ้า ซึ่งทางผู้ควบคุมกฎของประเทศไทยมีความต้องการข้อมูลเหล่านี้ เพื่อทำการลด
ค่าไฟฟ้า
โดยดูพฤติกรรมว่าช่วงเวลาใดที่คนชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็นจำนวนมากจะมีการกำหนดเรทราคาสูง ส่วนใน
ช่วงเวลาที่มีจำนวนชาร์จไฟฟ้าน้อยเรทราคาจะต่ำกว่า เป็นกลยุทธ์ของภาครัฐที่กำลังบังคับให้ทุกค่ายของ Changer ปล่อยสัญญาณส่งข้อมูลออกมาให้ดูโดยรวมทั้งประเทศ ก่อนที่จะประกาศค่าไฟฟ้าของ EV ดังนั้นมีแนวโน้มที่
คนส่วนใหญ่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าช่วงเวลาสี่ทุ่มอาจมีราคาค่าไฟฟ้าที่แพง
ต่อมาในเรื่องของพลังงานทางเลือก มีกระแสการเติบโตจากการมาของรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่
ต้องยอมรับว่ามี 2 ปรากฎการณ์ คือ การใช้พลังงานสะอาด และการใช้ไฟฟ้าที่จะมาเป็นพลังงานหลัก
ในอนาคตบ้านหนึ่งหลังจะมีระบบที่ใช้ไฟฟ้าแบบ 100%
ถ้ามีรถยนต์ไฟฟ้าเฉลี่ย 1 คัน การใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้น 2 – 3 เท่า ดังนั้นการที่ติดตั้งโซล่าเซลล์จะสามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้งานเองที่จะช่วยแบ่งเบาภาระทางการไฟฟ้า หรือ Decentralized Energy
ด้านของผู้ให้บริการขอถามกับทางผู้ให้บริการสถานีชาร์จ Evolt เกี่ยวกับคนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามักจะคำนึงถึงจำนวนของสถานีชาร์จว่ามีจำนวนที่เพียงพอหรือไม่
ถ้าอ้างอิงจากตัวเลขของข้อมูลเมื่อปลายปี 2022 จะเห็นว่ามีรถยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียนมีจำนวน 32,000 คัน เป็นตัวเลข 10% ของจำนวนรถจะสอดคล้องสำหรับจำนวนสถานีชาร์จสาธารณะ โดยจะนิยมชาร์จที่บ้าน คอนโดมิเนียม ถือว่าเพียงพอ ยกตัวอย่างประเทศสแกนดิเนเวียคนใช้รถยนต์ไฟฟ้านิยมชาร์จที่บ้าน
ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ปีนี้คาดการณ์ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีประมาณ 50,000 คัน เป็นโอกาสการขยายตัวของธุรกิจของสถานีชาร์จตามสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น จากจำนวน 10% ที่กล่าวถึง ถ้าแบ่งตามพฤติกรรมของคนที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสัดส่วน 75 – 80% ชาร์จที่บ้าน อีก 5 % เป็นสถานีชาร์จสำหรับวิ่งทางไกล
อีกส่วนที่น่าสนใจ คือ สถานที่ที่ต้องใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ต้องบอกว่าทาง Evolt มีแผนการลงทั้งหมด
4 อย่าง คือ At Home, At Work, At Play และ At Travel สำหรับการโฟกัสในปัจจุบันจะเป็น At Play และ
At Work ที่คนใช้เวลาในสถานที่มากกว่า 2- 3 ชั่วโมงขึ้นไป เป็นการใช้ Normal Charge ในการลงทุนเป็นหลัก
ประกอบกับความต้องการของประเทศไทยมีจำนวนมากที่ต้องการ Charging Station เพราะตามตึกคอนโดมิเนียม
มีความยุ่งยากในการติดตั้ง
ส่วนเรื่องโซล่าเซลล์ จะมีพลังงานทางเลือกอื่น หรือวิธีการอื่น ๆ ที่ทำให้ประหยัดไฟฟ้าได้มากขึ้น
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีข้อได้เปรียบที่พร้อมจะผลิตพลังงานสะอาดเกือบทุกประเภท โดยมีการใช้พลังงานสะอาดมาเป็นเวลายาวนาน ประกอบกับประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรจึงนิยมใช้พลังงานแสงอาทิตย์
แต่ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ หรือพลังงานอื่นยังคงขาดความเสถียร ดังนั้นแบตเตอรี่ยังคงเป็นตัวตอบโจทย์
รูปแบบการบริหารพลังงานการจัดการในบ้าน ส่วนการสร้างโซล่าเซลล์จะเป็นการสร้างนิสัยการคำนวนเกี่ยวกับ
การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานที่ผลิตได้เอง ที่สามารถเลือกว่าจะนำไปใช้เองหรือขายต่อ ดังนั้นพลังงาน Renewable Energy ที่เข้าถึงง่ายที่สุดยังคงเป็นโซล่าเซลล์
ส่วนพลังงานชนิดอื่น จะมีข้อจำกัดทั้งในเรื่องของพื้นที่ สถานที่ ความเห็นพ้อง สังคม หรือ ชุมชน
ขอกลับมาที่ผู้บริการขายไฟฟ้า มีความคิดเห็นที่จะนำพลังงานสะอาดเหล่านี้มาใช้ในการให้บริการได้อย่างไร
มีความเป็นไปได้ที่จะทำได้จริงหรือไม่
ต้องพูดว่าพลังงานสะอาดมาจาก Grid ซึ่งในโลกนี้จะมีกลไกที่ตั้งขึ้นมาจัดการ Renewable Energy โดยทาง Evolt มีการจ่ายไฟฟ้าเกือบ 2 ล้านหน่วย ซึ่งเราสามารถ Offset กับไฟฟ้า คือ ซื้อเครดิตกับคนที่ผลิตโซล่าหรือผลิตพลังงานสะอาดออกมาได้ เหมือนว่าสิ่งที่เราจ่ายไปเราซื้อนำพลังงานสะอาดมาใช้ได้ทันที แต่ยังเป็นแนวทางที่ยังอยู่ในกระบวนการ
ถ้าคุณต้องการดูบทสัมภาษณ์อย่าละเอียดสามารถดูได้เพิ่มเติมจากคลิปด้านล่าง และถ้าหากคุณชอบคลิปนี้
ขอฝากกดไลค์ กดติดตาม กดแชร์ กดSUBSCRIBE ที่ช่องของพวกเราด้วยนะครับ