Honda โต้กลับรถไฟฟ้าจีน!! เปิดตัวขุมพลัง ไฮโดรเจน(FCEV) + ชาร์จไฟได้ เตรียมขายปีหน้า 2024 CR-V

          ค่ายญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่เป็นอันดับ 2 อย่าง Honda ที่เลือกใช้ขุมพลัง Hydrogen ที่ได้มีการเปิดตัวรถใหม่อย่าง Honda CRV ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีขุมพลังใหม่อย่าง E-FUEL CELL

         เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงาน Hydrogen ควบคู่กับเทคโนโลยี EV หรือ BEV โดยมีแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จไฟฟ้าจากภายนอกได้ที่เรียกว่า Plug-In Fuel Cell ต้องบอกว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ไม่มีค่ายรถไหนใช้มาก่อน

         จะเห็นได้ว่าค่ายรถญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่มีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงเป็น EV อย่างเดียวและยังไม่เชื่อว่าพลังงานสะอาดในอนาคตจะมีเพียงแค่ EV เท่านั้น ยกตัวอย่างค่าย Toyota มีความประสงค์ที่จะผลักดัน

ทุกแพลตฟอร์มทั้ง BEV, Fuel Cell อย่าง TOYOTA Mirai

         และ Hydrogen internal combustion คือ นำพลังงาน Hydrogen ควบคู่กับเครื่องยนต์สันดาปภายใน
อย่าง Corolla Cross H2

         ส่วนทาง Honda บอกว่ามีการพัฒนา Hydrogen มานานแล้ว โดยมีการพัฒนา Honda FCX-2001 และรุ่นที่ขายออกมาเชิงพาณิชย์ คือ Honda Clarity ซึ่งขายในปี 2019 และเลิกการผลิตในปี 2021 เนื่องจากจำนวนยอดขายและจำนวนสถานีชาร์จมีน้อยมาก จึงไม่เป็นที่นิยม

         การกลับมาของเทคโนโลยี E-FUEL CELL เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาร่วมกับ GM (General Motors)

         สามารถผลิตให้ต้นทุนของสแต็กเซลล์เชื้อเพลงลดลงเหลือ 1 ใน 3 เพราะหัวใจของเทคโนโลยีนี้ คือ ฟิวส์สแต็กที่เอาใช้ผลิตไฟฟ้าจาก Hydrogen สามารถผลิตขั้วอิเล็กโทรดที่ถูกลง จากการเปลี่ยนวัตถุดิบและทำให้มีความคงทนมากขึ้น 2 เท่า

         และจะนำมาใช้กับรุ่น CRV E-FUEL CELL ที่จะเริ่มขายในปี 2024 ที่ประเทศญี่ปุ่นและอเมริกาเหนือ

ประวัติของเทคโนโลยี FCEV (Fuel Cell Electric Vehicles)

         นับว่าเป็นรถที่เป็นยานพาหนะใช้พลังงานไฟฟ้า โดยการเติมเชื้อเพลิงอย่าง Hydrogen เข้าไปผ่าน Fuel Cell Stacks คือ การนำ Hydrogen มาทำปฏิกิริยากับอากาศอย่าง Oxygen จนเกิดน้ำและไฟฟ้าออกมา

         โดยไฟฟ้าเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ แล้วจะนำไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้เกิดการเคลื่อนที่  

         ซึ่งแนวคิดสำหรับการนำเทคโนโลยี FUEL CELL มาใช้ในรถยนต์ส่วนบุคคลเกิดขึ้นครั้งแรกโดยบริษัท General Motors เมื่อปี 1959 และในช่วงปลายปี 1990 ถึงช่วงต้นปี 2000 ทางค่ายรถยนต์ฝั่งเอเชียไม่ว่าจะเป็นค่ายญี่ปุ่น อย่าง Toyota และ Honda รวมทั้งค่ายจากเกาหลี อย่าง Hyundai มีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในรถยนต์ส่วนบุคคล แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงแรกการขายรถเป็นไปค่อนข้างยาก เพราะคนกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้ Hydrogen ในเรื่องของการระเบิดและติดไฟได้ง่าย

         แต่ในช่วงของ 20 ปีที่ผ่านมา ทางค่ายรถก็เร่งพัฒนาเรื่องของระบบการกักเก็บ ซึ่งทาง Toyota มีการพัฒนา  ตัวถังที่ทนแรงดัน โดยมีการทดสอบยิงด้วยกระสุนปืน เมื่อยิงแล้วไม่เกิดการระเบิด มีแค่ Hydrogen รั่วออกมา 

จึงสามารถนำมาใช้ในรถยนต์เชิงพาณิชย์ได้  และในปัจจุบัน มี Toyota Mirai, Honda Clarity และ Hyundai Nexo
ที่นำมาใช้

         ต้องบอกว่า Hydrogen มีแนวโน้มที่จะเป็นพลังงานสะอาดในอนาคต และเมื่อเปรียบเทียบกับรถ BEV  

ตัว Hydrogen จะมีข้อดีที่แตกต่างอย่างชัดเจน เพราะว่าสามารถวิ่งได้ไกลต่อการเติมพลังงาน 1 ครั้ง นอกจากนี้
การเติมพลังงาน Hydrogen ใช้เวลาน้อยกว่าการชาร์จไฟฟ้า

จุดเริ่มต้นของรถ FCEV ของ Honda

          หลังจากที่ Honda ซุ่มพัฒนาตั้งแต่ช่วงปลายปี 1990 จนถึงช่วงต้นปี 2000 ทาง Honda มีการออกรถ FCEV ตัวต้นแบบคันแรก คือ Honda FCX ที่เปิดตัวเมื่อปี 2002 ซึ่งเป็นรถเก๋งขนาดเล็ก มีการสนับสนุนจากทางรัฐบาลญี่ปุ่น และเมื่อเติม Hydrogen 1 ถัง สามารถวิ่งได้ไกลสุดถึง 355 กิโลเมตร

          ต่อมามีการพัฒนาจากตัวต้นแบบ FCX มาเป็น Honda FCX Clarity มีการเปิดตัวเมื่อปี 2007 จากเดิมที่เป็น รถเก๋งขนาดเล็กกลายมาเป็นรถเก๋งขนาดใหญ่ D-Segment ที่ใช้ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 100 กิโลวัตต์      

ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลขึ้นถึง 390 กิโลเมตร

          ในเบื้องต้นยังไม่ได้มีการผลิตเพื่อนำมาขาย แต่ทำออกมาเพื่อทดสอบว่าสามารถสร้างความเชื่อมั่นและมีความทนทาน โดยปล่อยให้เช่าเป็นแท็กซี่ เพื่อดูผลลัพธ์ตอบรับจากผู้ที่ใช้งาน มีการปล่อยให้เช่าในปี 2008 ที่ประเทศญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกาในโซนแคลิฟอร์เนีย สาเหตุที่เน้นประเทศเหล่านี้เพราะมีสถานีเติมไฮโดรเจน แต่โครงการก็ต้องหยุดในปี 2015 จากปัญหาเรื่องสถานีเติมไฮโดรเจนที่มีไม่เพียงพอ

         หลังจากนั้นทาง Honda พัฒนาเครื่องยนต์ FCEV ออกมาเป็น Generation ที่ 2 คือ Honda FCV Clarity

          เป็นการพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่จากรุ่น Honda FCX Clarity ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลขึ้น ทั้งนี้เป็นผลจากการเก็บข้อมูลจาก FCX Clarity ที่มีการปล่อยให้เช่าจำนวน 48 คัน เพื่อดูว่ามีส่วนใดที่ต้องปรับปรุง

           สำหรับรุ่น FCX Clarity สามารถวิ่งได้ไกลถึง 589 กิโลเมตรต่อการเติมไฮโดรเจน 1 ครั้ง น่าจะตอบโจทย์ต่อการใช้งานบุคคลทั่วไป และได้มีการเปิดตัวในงาน Los Angeles Auto Show เมื่อปี 2015 ที่เปิดขายให้บุคคลทั่วไป  แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนต้องปิดสายการผลิตในปี 2021

         จนมาถึงปัจจุบันทาง Honda ได้พัฒนา FCEV ออกมาใหม่เรียกว่า E-FUEL CELL

         เป็นการนำเครื่องยนต์ FCEV มาใช้ร่วมกับระบบ Plug-in hybrid ที่สามารถชาร์จไฟฟ้าและเติม Hydrogen ได้ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องสถานีเติมไฮโดรเจน สำหรับ Honda CRV E-FUEL CELL แต่ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน เช่น เรื่องของสเปค จำนวนที่จะจำหน่าย ราคาขาย ระยะทางการวิ่ง เป็นต้น ซึ่งจะผลิตที่โรงงาน Performance Manufacturing Center ในรัฐโอไฮโอของทาง Honda เป็นโรงงานที่จะผลิตรถสมรรถนะสูงพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีใหม่

          โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตในปี 2024 มีเป้าหมายอยู่ที่ 2,000 คัน ส่วนข้อมูลของ Honda CRV E-FUEL CELL        ในส่วนรายละเอียดจะใช้ FCEV Generation ที่ 3 ส่วนที่เป็นไฟฟ้าคาดว่าจะใช้เทคโนโลยี Plug-in hybrid เพราะว่า      ปีนี้ทาง Honda ทำการขายรุ่น CRV E-PHEV ในประเทศจีน

         ใช้ร่วมกับขุมพลังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 17.7 kWh สามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วน 100% ได้ในระยะทาง 71 กิโลเมตรต่อ 1 การชาร์จ
         ดังนั้นถ้านำมาคู่กับ FCEV Generation ที่ 3 ต้องบอกว่าเป็นที่น่าสนใจและน่าติดตามอย่างมาก

          สรุปสำหรับค่าย Honda โต้กลับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนโดยการใช้ท่าไม่ตายเปิดตัวขุมพลัง E-FUEL CELL เป็นการนำเทคโนโลยี FECV หรือพลังงาน Hydrogen ที่ทาง Honda เคยลงทุนไปร่วม 20 กว่าปี มาผนึกกับ Plug-in hybrid หรือพลังงานไฟฟ้า เพื่อชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ยังไม่มีค่ายไหนเอามาใช้ ถือได้ว่า Honda เป็นเจ้าแรกที่จะพัฒนาขุมพลังนี้ที่จะนำไปต่อยอดกับกลุ่มรถพลังงานอื่น ๆ อย่าง Hydrogen FCEV ที่จะพัฒนาจาก Generation ที่ 3 เป็น Generation ที่ 4 และ 5
           รวมทั้งจะนำไปใช้ในกลุ่มรถเชิงพาณิชย์ โดยมีแผนจับมือกับ Isuzu ในการเอารถบรรทุกมาใช้พลังงานสะอาดอย่างเทคโนโลยี FCEV เพื่อตอบโจทย์เรื่องของเครื่องยนต์ดีเซลที่ปล่อยมลพิษ

          นอกจากนี้ Honda มีความมุ่งมั่นและมีแผนที่ชัดเจนที่มองว่าไม่ใช่แค่ผลิตรถเท่านั้น แต่จะต้องผลิตให้ครบทั้ง Ecosystem ทั้งในเรื่องของการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาด แสงแดด ลม และผลิตไฮโดรเจน      โดยมีการทำโรงงานผลิตไฮโดรเจน สถานีเติม Hydrogen  และทำแหล่งกักเก็บ Hydrogen เป็นของตัวเอง          

เพื่ออย่างน้อยสำหรับคนที่หันมาใช้เทคโนโลยีนี้จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องการเติม Hydrogen ที่เป็นพลังงานสะอาด

         เพื่อน ๆ คิดเห็นอย่างไร เกี่ยวกับข่าวในเรื่องนี้ หากสนใจเนื้อหาทั้งหมดเพื่อเพิ่มความเข้าใจสามารถดูได้จาก  คลิปด้านล่าง และหากคุณชอบคลิปนี้ ขอฝากกดไลค์ กดแชร์ กด Subscribe ด้วยนะครับ

Share

FOLLOW US


WELLDONE GUARANTEE

452 Pecthkraseam Rd. Laksong Bangkhae, Bangkok 10160
Email : welldone.guarantee@gmail.com Tel. 0889415944

Copyright © 2022 EV GUARANTEE All rights reserved.