เมื่อคนแห่มาใช้รถไฟฟ้าแล้วค่าไฟขึ้น!? บ้านแห่งอนาคต ประหยัดพลังงานเลยมาแรง V2G, IOT, AI Smart Grid

         วันนี้จะเป็นเรื่องของการใช้รถไฟฟ้าที่จะส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นเดือนละเท่าไหร่  และมีวิธีการประหยัดแบบไหนบ้างเอาเป็นว่าเดี๋ยวมาเล่ารายละเอียดกัน

         ในปัจจุบันคนหันมานิยมใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อหลีกหนีปัญหาราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และมีปัจจัยสนับสนุนการ        ส่งเสริมจากรัฐบาล คือ แพ๊กเกจสนับสนุน EV 

         แน่นอนว่าเมื่อมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้นจะทำให้ค่าไฟฟ้าในบ้านเพิ่มขึ้น  จึงต้องพูดถึงแนวทางที่ช่วยเรื่องการประหยัดไฟในบ้านและในอนาคตจะมีเทคโนโลยีการประหยัดไฟรูปแบบไหน 

         ทางแบงค์ชาติหรือธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการเรียนเชิญคุณเวลมาถ่ายทอดเรื่องของการมาของรถยนต์ไฟฟ้ากับวิธีการและเทคโนโลยีเรื่องของการประหยัดพลังงาน

         คุณเวลบอกว่าถ้าใช้รถยนต์ไฟฟ้าแน่นอนว่าค่าไฟฟ้าในบ้านจะเพิ่มขึ้น จนมีคนตั้งคำถามเปรียบเทียบว่าปกติแล้วถ้าใช้รถยนต์ปกติมีค่าเติมน้ำมันประมาณเดือนละ 5,000 บาท แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทน ต้นทุนค่าไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเท่าไร

         จากการลองคำนวณสมมติว่าบ้านอยู่ในพื้นที่ชานเมืองและต้องเดินทางมาทำงานในเมือง ต้องขับรถไปทำงาน      วันละ 150 กิโลเมตร ตีระยะทางขาไปและขากลับ เท่ากับ 75 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายของ MG ZS EV อยู่ที่ประมาณ 0.13 kWh/km ราคาอยู่ที่กิโลเมตรละ 50 สตางค์

         ในช่วง 1 วัน จะใช้ไฟฟ้าที่ 19.5 หน่วย ค่าไฟหน่วยละ 4 บาท เท่ากับว่ามีค่าไฟฟ้าต่อวันที่ 78 บาท รวมเป็น            1 เดือน ที่มีวันทำงาน 23 วัน ยอดรวมค่าไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเดือนละ 1,794 บาท ซึ่งยังไม่รวมค่าไฟฟ้าอย่างอื่นที่ใช้ในบ้าน
              ดังนั้นแม้ค่าไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนยังต่ำกว่าการใช้น้ำมันต่อค่าเดินทางระยะทางอยู่ที่ 1.50 บาท

         การใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถประหยัดต้นทุนได้กว่า 3 เท่า อยู่ที่ 50 สตางค์ต่อกิโลเมตร แต่ในเมื่อเราเลือกที่จะใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็จะกระทบเรื่องของค่าไฟแทน จึงต้องมาพูดถึงแนวทางในการประหยัดค่าไฟฟ้าในบ้าน  ซึ่งได้มีการรวบรวมของกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าต่าง ๆ มีแนวทางดังนี้

แนวทางแรก

         1. ถ้าต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้เปลี่ยนมิเตอร์มาใช้แบบ TOU

มิเตอร์ TOU จะมีการเก็บค่าไฟฟ้าตามช่วงเวลาแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ

         1. ช่วงเวลา On Peak ตั้งแต่เวลา 9.00 น. – 22.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาทำงานตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ คิดราคาหน่วยละ 5.79 บาท

         2. ช่วงเวลา Off Peak จะเป็นช่วงตั้งแต่เวลา 22.00 น. – 9.00 น. เฉพาะวันจันทร์ – วันศุกร์ รวมทั้งช่วงเวลา      ทั้งวันของวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งจะมีการใช้ไฟจำนวนน้อย คิดราคาหน่วยละ 2.3 บาท

          การขอใช้มิเตอร์ TOU สามารถทำเรื่องขอได้ที่เขตการไฟฟ้า มีค่าใช้จ่ายประมาณ 6,640 บาท เพื่อให้คุ้มทุนผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าต้องมีพฤติกรรมทำงานในตอนกลางวัน และกลับมาชาร์จไฟในตอนกลางคืน เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากลับจากที่ทำงานมาเสียบปลั๊กชาร์จไฟฟ้าที่บ้าน
          ทั้งนี้เทคโนโลยีของเครื่องชาร์จไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ สามารถตั้งเวลาในการชาร์จได้ จะทำการตั้งเวลาเริ่มชาร์จที่เวลาสี่ทุ่มหนึ่งนาที และสั่งหยุดการชาร์จก่อนเวลาเก้าโมง ซึ่งค่าไฟฟ้าที่ใช้ในการชาร์จจะอยู่ช่วงของ Off Peak ที่ 2.30 บาท จะถูกกว่าการคิดค่าไฟฟ้าปกติที่หน่วยละ 4 บาท

         2. การติดโซล่าเซลล์

         การติดโซล่าเซลล์ เนื่องจากประเทศไทยมีแสงแดดที่เพียงพอต่อการผลิตไฟฟ้า แต่ก็ต้องเป็นพฤติกรรมการที่ต้องใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางวันจำนวนมาก เช่น เปิดแอร์ทั้งวัน  เพราะว่าการติดโซล่าเซลล์ที่ต่อร่วมกับระบบไฟในบ้าน       จะเป็นการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตเองมากกว่าใช้ไฟหลวง

         แต่ถ้าต้องการชาร์จไฟตอนกลางคืนก็มีวิธี จากทาง Tesla ที่นอกจากจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาจำหน่าย        มีการทำ Energy Solution (การบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ)

        ประกอบด้วย Solar Roof,  Power Wall และ Home charger

        เริ่มต้นติดโซล่าเซลล์ Power Wall หรือแบตเตอรี่เก็บไฟ แล้วนำไฟที่ชาร์จกับแบตเตอรี่มาชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในเวลากลางคืน

         สรุปขั้นตอนคือผลิตไฟฟ้าตอนกลางวัน มาเก็บในแบตเตอรี่ เมื่อถึงเวลากลางคืนจะนำไฟฟ้าที่เก็บในแบตเตอรี่ออกมาชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ถ้าไม่มีที่เก็บไฟฟ้าส่วนไฟฟ้าที่เหลือจากการใช้จะทิ้งลงดิน

        ดังนั้นวิธีที่คนส่วนใหญ่ใช้ คือ เปลี่ยนมาใช้มิเตอร์แบบเป็น TOU (Time of Use tariff) หรือเพิ่มการติดโซล่าเซลล์ที่มีแบตเตอรี่เพื่อการเก็บไฟฟ้า ช่วงเวลาที่เก็บไฟฟ้า คือ 4 ชั่วโมง คือประมาณช่วงเวลาหกโมงถึงสี่ทุ่ม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีกิจกรรม เช่น ทานอาหาร ดูทีวี หรืออาจเผลอชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และหลังจากสี่ทุ่มจะใช้ไฟฟ้าในอัตราค่าไฟฟ้า Off Peak แทน นี้คือ Solution ในการประหยัดพลังงาน

         ในอนาคตสามารถนำไฟฟ้ามาขาย คือ ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ติดโซล่าเซลล์สามารถนำไฟฟ้ามาขายได้ 

         ที่ยุโรปเมื่อนำรถยนต์ไฟฟ้ามาเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟฟ้า จะมองว่ารถยนต์ไฟฟ้า คือ แบตเตอรี่ที่สามารถดึงไฟฟ้ามาขายได้

         สร้างมุมมองว่ารถยนต์ไฟฟ้าสามารถสร้างรายได้ ช่วงที่จอดรถยนต์ไฟฟ้าอยู่กับที่ก็สามารถดึงไฟฟ้าจากรถยนต์ไฟฟ้ามาขายกับการไฟฟ้าช่วงที่ไฟฟ้าขาด

        ช่วงที่ราคาแพงจะนำไฟฟ้ามาขาย ส่วนช่วงราคาถูกก็นำไฟฟ้ามาชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแทน

จะสามารถทำได้ต้องมีเทคโนโลยี ดังต่อไปนี้

        ถ้ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นแบตเตอรี่ก้อนใหญ่ที่นำไฟฟ้าออกมาไปใช้ทำอย่างอื่น  ตัว V ย่อมาจาก Vehicle 

         1. V2H (Vehicle to home) คือ นำไฟฟ้าจากรถยนต์ไฟฟ้าส่งไปในบ้าน

         2. V2G (Vehicle to Grid) คือ นำไฟฟ้าจากรถยนต์ไฟฟ้าส่งไปสู่ระบบไฟสาธารณะ

        3. V2L (Vehicle-to-load ) คือ ดึงไฟฟ้าจากรถยนต์ไฟฟ้าไปใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า

        วันนี้ในไทยมีรถยนต์ไฟฟ้า MG ZS EV ที่มีระบบ V2L

         เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเที่ยวแบบนอกสถานที่ เช่น แคมป์ปิ้ง เมื่อเสียบปลั๊กชาร์จไฟฟ้าก็สามารถนำไฟฟ้าต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้าและถ้าต้องการเปิดแอร์ก็สามารถสตาร์ทรถไว้ได้ เนื่องจากไม่มีไอเสีย ซึ่งเป็นที่นิยมในต่างประเทศ

        รถยนต์ไฟฟ้า MG ZS EV มีกำลังสูงถึง 2,200 วัตต์ มีค่าเท่ากับตู้ไมโครเวฟเครื่องนึง

แนวทางที่ 2

         กรณีที่ไม่ต้องการใช้ Power Wall ที่มีราคาสูง สามารถนำรถยนต์ไฟฟ้ามาเป็นไฟสำรองในบ้าน ในช่วงไฟดับสามารถดึงไฟฟ้าจากรถมาใช้ในบ้านได้

         ส่วนที่สิงคโปร์จะเป็นตู้ชาร์จสาธารณะ

         โดยส่งไฟฟ้ามาเก็บไว้ที่รถยนต์ไฟฟ้าและขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าหรือ V2G (Vehicle to Grid)

         และนี้คือเรื่องราวการมาถึงของรถยนต์ไฟฟ้า และเเนวทางการประหยัดค่าไฟฟ้า รวมทั้งมุมมองของรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สามารถขายไฟฟ้าได้ถือได้นี้คือแหล่งพลังงานอีกหนึ่งอย่าง ถ้าหากคุณต้องการดูการบรรยายฉบับเต็มเพิ่มเติมสามารถคลิกที่คลิปด้านล่างนี้ได้เลย

Share

FOLLOW US


WELLDONE GUARANTEE

452 Pecthkraseam Rd. Laksong Bangkhae, Bangkok 10160
Email : welldone.guarantee@gmail.com Tel. 0889415944

Copyright © 2022 EV GUARANTEE All rights reserved.