หลายคนที่สงสัยในตัวโหมด One Pedal หรือ e – Pedal มีความหมาย ข้อดีข้อเสีย และที่สำคัญคือหลักการทำงานเกี่ยวกับการชะลอรถเป็นอย่างไร เราจะมาอธิบายเรื่องนี้กัน
One Pedal หรือ e – Pedal คือ โหมดการขับขี่ที่ใช้การเหยียบแป้นเพื่อเร่งความเร็วและเบรกในคันเร่งเดียวกัน โดยไม่จำเป็นต้องสลับการเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งเครื่อง หรือชะลอความเร็วด้วยการแตะเบรก ในโหมดนี้มีจุดเด่นอยู่ที่เมื่อถอนคันเร่งหรือยกคันเร่งขึ้น รถก็จะชะลอความเร็วลงโดยอัตโนมัติ ซึ่งโหมดนี้เป็นคุณสมบัติมีทั้งในรถยนต์
รถกลุ่มไฮบริด (HEV)
รถ Plug-in Hybrid (PHEV)
รถยนต์ไฟฟ้า 100% BEV หรือ Battery Electric Vehicle
ซึ่งโหมด One Pedal เหตุผลหลักที่มีในรถยนต์ไฮบริดหรือรถยนต์ไฟฟ้า เป็นเพราะมีมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์
หลักการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า
มอเตอร์ไฟฟ้าของรถยนต์ไฮบริด จะทำงานร่วมกับเครื่องยนต์และปลั๊กอินไฮบริด
รถยนต์ไฟฟ้าจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อน
การทำงานของโหมด One Pedal
ในทุกครั้งที่มีการเหยียบคันเร่งลงไปจะทำการส่งสัญญาณไปที่ vcu สั่งให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำการหมุน
โดยแบตเตอรี่จะจ่ายไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ยานพาหนะขับเคลื่อนออกจากจุดหยุดนิ่ง
แต่เมื่อเรายกเท้าจากคันเร่ง ในขณะที่รถยังคงวิ่งอยู่ ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่กลับกันกลายเป็น Generator คือ การทำงานย้อนกลับไปปั่นไฟกลับไปชาร์จที่ตัวแบตเตอรี่ ทำให้ระยะเพิ่มขึ้นและชะลอความเร็วลง
ขบวนการปั่นไฟกลับเพื่อชะลอความเร็ว จะเรียกว่า Regenerative braking
การทำงาน คือ เวลาปั่นไฟกลับเพื่อชะลอความเร็ว ข้างในมอเตอร์ไฟฟ้าจะมีสนามแม่เหล็กที่จะต้องไปหมุนแกนที่เรียกว่า ROTOR
ซึ่งตัว ROTOR จะหมุนตัดขั้วแม่เหล็ก ที่เรียกว่า Stator ในตัวมอเตอร์
จะสร้างแรงต้านแม่เหล็ก แรงต้านนี้จะทำให้รถชะลอความเร็วลง ดังนั้นจึงมีการใช้ระบบ Regenerative braking มาช่วยในการชะลอความเร็วในโหมด One Pedal
รถที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน โดยปกติถึงจะไม่ใช้โหมด One Pedal ก็จะมีการปั่นไฟกลับเข้ามา หรือ ค่ารีเจน และในบางค่ายรถ เรียกว่า Kinetic Energy Reverse ที่สามารถเลือกระดับการปั่นไฟกลับตั้งแต่ระดับเบา กลาง และหนัก ส่งผลให้เวลายกคันเร่งจะมีความหน่วงเกิดขึ้น
ข้อดีของโหมด One Pedal มีดังต่อไปนี้
1. ผ้าเบรกจะสึกหรอน้อยลง มีอายุการใช้งานมากขึ้น เพราะว่าการใช้โหมด One Pedal เป็นการใช้แรงต้านในตัวตอนปั่นไฟกับแรงต้านสนามแม่เหล็กมาช่วยชะลอความเร็ว แทนการใช้เบรก
2. ทุกครั้งในการ generate ที่เป็นการปั่นไฟกลับไปชาร์จที่แบตเตอรี่ ที่เห็นได้ชัด คือ รถยนต์ไฟฟ้าที่มีการปั่นไฟกลับมาที่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก แทนที่จะสูญเสียพลังงานตอนชะลอความเร็ว แต่เป็นการช่วยเพิ่มระยะให้กับรถแทน
และการปั่นไฟกลับมาได้ที่ประมาณ 5 – 30% ขึ้นอยู่กับคุณภาพของการรีเจน ตามการออกแบบของแต่ละค่ายรถ
ยกตัวอย่าง รถเชฟวี่โบลต์ สามารถปั่นไฟกลับที่แบตเตอรี่ได้ประมาณ 5% เพิ่มระยะทางการวิ่งของรถได้มากถึง 20 กิโลเมตร
3. การขับแบบโหมด One Pedal เหมาะสำหรับการขับขี่ในตัวเมืองที่มีจังหวะที่ต้องเหยียบสลับระหว่างคันเร่งและเบรก แต่ในโหมดนี้ที่ใช้คันเร่งเพียงคันเดียวในการเหยียบเพื่อทำการเร่งหรือยกคันเร่งเพื่อชะลอความเร็วจนจอดสนิทจะสะดวกมากกว่า
การเริ่มต้นใช้งานโหมด One Pedal หรือ e – Pedal จะเปิดใช้งานได้ ก็ต่อเมื่อรถที่จอดสนิทเท่านั้น ให้เข้าไปที่หน้า Infotainment เพื่อเลือกโหมดนี้ และในบางค่ายจะมีปุ่มแยกให้ต่างหากมาให้
หลังจากนั้นเข้าเกียร์ D เหยียบคันเร่งเพื่อให้รถออกตัว แล้วใช้คันเร่งตามความต้องการว่าจะเร่งเครื่อง หรือ เพื่อชะลอความเร็วให้รถจอดสนิท
สำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับโหมดนี้ในครั้งแรก ให้ทดลองการชะลอรถในพื้นที่ว่างหรือที่ไม่มีรถ เพื่อดูขนาดของระยะระหว่างการชะลอความเร็วจนกระทั่งรถหยุดสนิทเพื่อสร้างความเคยชิน
ซึ่งจากการคำนวณของโหมด One Pedal การชะลอความเร็วด้วยการรีเจนมีค่าเทียบเท่าแรงประมาณ 2G หรือเท่ากับแรงเบรกที่เบรกจนรถจอดสนิทอยู่ที่ประมาณ 20% ของแรงเบรกรถเท่านั้น
อีกอย่างหนึ่งในโหมดนี้ ทุกครั้งที่มีการผ่อนคันเร่ง ตัวไฟเบรกจะติดเองอัตโนมัติเป็นข้อดีในเรื่องของความปลอดภัย
ที่สำคัญ โหมด One pedal จะไม่สามารถใช้งานได้ เมื่อเลือกใช้โหมดการขับแบบอัตโนมัติ หรือ Adaptive Cruise Control
ที่ตัวรถจะเลือกขับเองตามระยะความเร็วที่ตั้งเอาไว้และการรักษาระยะห่างกับรถคันหน้า
ถ้ามีการเปิดโหมด One pedal ควบคู่กับ โหมด Adaptive Cruise Control ตัวรถจะเลือกใช้งานระบบขับอัตโนมัติเป็นอย่างแรก ถ้าต้องการใช้โหมด One pedal ต้องยกเลิกโหมด Adaptive Cruise Control ก่อน
เรื่องของความปลอดภัยของโหมด One pedal
ในเรื่องของความปลอดภัยอย่างแรกการขับขี่ในโหมด One pedal หรือ การขับรถโดยใช้แป้นคันเร่งอย่างเดียว ควรใช้งานบนถนนที่อยู่ในสถานการณ์ที่คาดการณ์ได้ อย่างเช่น ตัวผู้ขับรู้ได้ว่าถนนเส้นนี้รถมีจำนวนน้อย หรือการรู้ระยะก่อนถึงรถคันหน้า จะช่วยให้ใช้โหมดนี้ได้อย่างปลอดภัย
อย่างที่สอง มีการยืนยันว่าการชะลอความเร็วด้วยโหมด One pedal มีความปลอดภัยมากกว่าเหยียบเบรกแบบปกติ ถ้าเทียบกันระหว่างโหมด One pedal และ ระบบเบรก จะมีฟังก์ชั่นเหมือนกัน คือ ต้องการชะลอความเร็วรถจนหยุด แต่ด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน อย่างที่กล่าวโหมด One pedal ที่ใช้ระบบ Regenerative braking หรือ การปั่นเจนใช้แรงต้านภายในมอเตอร์ไฟฟ้า ความต้านทานสนามแม่เหล็กชะลอความเร็วในขณะที่ล้อยังคงหมุนอ
จะแตกต่างกับระบบเบรก ซึ่งพยายามจะชะลอความเร็ว โดยการหยุดล้อในรถรุ่นเก่าๆ ที่ไม่มีระบบ ABS เวลาเหยียบเบรกเพื่อให้ล้อหยุด มีโอกาสที่รถจะเสียหลักได้ง่าย ส่วนตัวระบบ ABS จะทำหน้าที่ คือ หยุดชั่วขณะหนึ่ง แล้วมีการปล่อยให้ล้อวิ่งเป็นเวลาหนึ่ง แล้วค่อยหยุด เพราะฉะนั้นทั้งโหมด One pedal กับระบบ ABS มีการทำงานที่เหมือนกัน
อย่างสุดท้าย ในกรณีฉุกเฉินถ้าใช้โหมด One pedal เกิดเหตุการณ์มีอะไรวิ่งตัดหน้ารถ สามารถเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถให้จอดสนิทได้ทันที โดยที่ยังอยู่ในโหมด One pedal ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องของความปลอดภัย
สำหรับเงื่อนไขที่ไม่ควรใช้โหมด One pedal มีดังต่อไปนี้
1. อยู่ในสถานการณ์ที่ถนนลื่น อาทิ โคลน หิมะ เพราะว่าในพื้นที่ลื่นถ้าใช้โหมดนี้ในบางครั้งจะไม่สามารถหยุด รถได้ ประกอบกับระยะในการชะลอความเร็วค่าจะผิดปกติจากเดิม
2. การขับรถลงทางลาดหรือทางลาดลงเขา ควรใช้ระบบลงเขาลงทางลาดชันที่มากับรถยนต์ไฟฟ้าแทน
3. การบรรทุกของไม่ว่าจะเป็นที่นั่งหรือบรรทุกของจำนวนมาก ไม่แนะนำให้ใช้โหมดนี้เช่นกัน เพราะว่าเวลาเราบรรทุกของหนัก ๆ ส่งผลให้ระยะการเบรกผิดไปจากเดิม คาดคะเนระยะทำได้ยาก
ยกกรณีอย่างรถบรรทุกที่มีน้ำหนักมาก มีโมเมนตัม ต้องใช้ระยะทางในการเบรกมากกว่ารถคันเล็ก ถึงจะจอดสนิท
ขอสรุปว่า โหมด One pedal หรือ e – Pedal ที่เป็นโหมดการขับขี่โดยการที่เหยียบแป้นคันเร่งอันเดียวทั้งเร่งความเร็วและชะลอความเร็ว โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Regenerative braking ที่รถยนต์ไฟฟ้าจะมีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยในการขับขี่ โดยใช้แรงต้านทานสนามแม่เหล็กภายในมอเตอร์ทำหน้าที่ปั่นไฟกลับไปชาร์จแบตเตอรี่ไม่ต้องเสียพลังงานไปในเวลาที่เบรกและเพิ่มระยะการวิ่งได้ไกลขึ้น ส่วนผ้าเบรกมีอายุการใช้งานมากขึ้น แต่มีข้อที่ต้องระวัง คือ ควรใช้งานในสถานการณ์ที่คาดเดา ส่วนเรื่องของความปลอดภัยก็สามารถเบรกเสริม หรือ เบรกอย่างฉับพลัน ถ้าเกิดอะไรเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
ซึ่งโหมด One pedal อาจจะไม่ได้มีในรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่น จึงได้มีการสรุปรถที่มีโหมดนี้ คือ
Audi e-tron
Tesla
Hyundai Kona
Nissan Leaf
Volvo xc40c40
Hyundai Ioniq 5
ORA Good Cat
รถ Plug-in Hybrid หรือ รถไฮบริดบางรุ่น
และนี้คือเรื่องของโหมด One pedal หากคุณอยากรู้หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถดูได้จากคลิปฉบับเต็มด้านล่างนี้ได้เลย