ย้อนกลับไปในยุคของรถยนต์น้ำมันค่ายที่มีบทบาทมากที่สุด
ก็จะเป็น ญี่ปุ่น กับ ยุโรป
แต่มาถึงยุคที่รถยนต์ไฟฟ้ามาแรงมากๆ ประเทศที่จะมีบทบาทในยุคต่อไป
ก็คือจีน/อเมริกา 2 ประเทศนี้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากเป็นอันดับต้นของโลก
คนที่จะครองโลกของอุสาหกรรมไฟฟ้าได้
ต้องมี 2 อย่าง 1.อุสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ 2.อุตสาหกรรมแบตเตอรี่
ซึ่งทั้ง 2 ประเทศก็ถือกันอยู่เช่นกัน ทำให้เกิดการคานอำนาจกัน
เดี๋ยวมาฟังเศรษฐกิจมหภาค
ที่กระทบต่อรถยนต์ไฟฟ้ากันบ้าง
เรื่องของนโยบายทางการเมือง การทหารต้องบอกว่าตอนนี้
ตึงเครียดมาตลอด ความสัมพันธ์ของจีน และ อเมริกาเอง ยุคนี้ถือเป็นยุคที่ย่ำแย่ที่สุด
ในส่วนของไต้หวันเองตอนนี้ก็เรียกได้ว่าเป็น Supply Chain ของโลก
เพราะไต้หวันเป็นประเทศที่ผลิตเทคโนโลยีต่างๆส่งให้กับทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็นIphone Ausus ฯลฯ วันนี้เองไต้หวันก็ได้ครองเซมิคอนดักเตอร์ถึง 54% แปลว่าวันนี้ไต้หวันเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการผลิตชิปเซตพอเกิดปัญหาขึ้นเห็นได้ว่า จีนเริ่มแบนไต้หวัน เริ่มซ้อมรบบริเวณจีนใต้ใกล้ไต้หวัน ส่วน ไต้หวันเองก็ต้องซ้อมรบด้วยเช่นกันทำให้โดนปิดน่านฟ้าห้ามเดินทาง ห้ามส่งของ แต่วัสดุที่ใช้ในการผลิตชิปเซตบางส่วนไต้หวัน ต้องนำเข้ามาจากจีนซึ่งวันนี้ทำให้ไต้หวันไม่สามารถผลิตชิปเซตได้ กลายเป็นว่าวันนี้ชิปเซตจะขาดแคลนหรือไม่!?
ต้องบอกว่าไต้หวันเป็นประเทศเกาะเล็กๆที่ต้องนำเข้าทรัพยากร
ซึ่งส่วนใหญ่ก็ต้องนำเข้ามาจากประเทศจีนพอวันนี้ไต้หวันถูกแบน จีนก็คว่ำบาตร 100 กว่าแบรนด์ และ ยิงขีปนาวุธรอบไต้หวันถ้าถามว่าวันนี้จีนสามารถรุกรานไต้หวันได้เลยไหม ตอบได้เลยว่ายาก เพราะทางไต้หวันกับอเมริกามีข้อตกลงกันไว้แล้วถ้าจีนรุกรานไต้หวันอเมริกาต้องช่วยทันที! ดังนั้นจีนในภาพรวมก็ยังสู้ไม่ได้อยู่ดีส่วนในเรื่องของชิปเซตวันนี้ก็ยังพอดีลกันได้ ยังไม่ได้เลือกข้างว่าจะออกไปทางไหนเพราะแต่ละฝั่งฝ่าย ก็ยังต้องดีลกันอยู่ อาจจแค่ต้องตกลงกันให้ลงตัวก็ยังพอไปต่อได้ล่าสุดจีนก็มีข่าว จีนมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่มีแพลนที่จะไปเปิดโรงงานที่สหรัฐอเมริกา และมีแผนจะจ้างพนักงาน 10,000 อัตรารถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกาก็กำลังเติบโตเตรียมพร้อมรับCATL แต่พอCATL ยกเลิกดีลทางค่ายรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกา ก็ทำให้จีนกับอเมริกาตึงเครียดกันเข้าไปอีกหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้หลายๆประเทศเริ่มจะมองการผลิตแบบเฉพาะโซนไม่ได้เชื่อมโยงทั้งโลกอย่างเมื่อก่อน ต้นทุนจะสูงขึ้น เงินเฟ้อในระบบก็จะสูงขึ้นเช่นกันหลายๆอย่างแพงขึ้นแน่นอนจากปัญหา Supply Chain