จีนขึ้นนำด้านรถยนต์ไฟฟ้า!! ญี่ปุ่นรั้งท้ายไม่ใช่เบอร์ 1 อีกต่อไปแล้ว (ทำไมขยับช้าแบบนี้)

ในปัจจุบันต้องบอกนะครับว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างล่าสุดก็มีการประกาศมาตราการส่งเสริมการใช้รถยนต์ EVหลายๆคนก็ให้ความเห็นว่ารถคันต่อไปที่จะซื้อ จะต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยน้ำมันตอนนี้ที่แพงขึ้นด้วย

หลายคนก็ถามว่าแล้ว ค่ายที่เป็นเจ้าตลาดในไทยมานาน อย่างญี่ปุ่น ตอนนี้ทำอะไรอยู่ยังคงผลักดันการตลาดรถ Hybrid ค่อยเป็นค่อยไปอยู่เลยนะครับแล้วแบบนี้เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าค่ายญี่ปุ่นจะไปสู้ค่ายจีน หรือ ค่ายฝั่งยุโรป/อเมริกาได้ยังไงตอนนี้ก็เรื่มมีการตื่นตัวแล้วนะครับ มีการเอารถมาเปิดตัว แต่ก็ยังไม่ได้ทำตลาดเป็นจริงเป็นจัง

ต้องบอกว่าวันนี้ญี่ปุ่นก็ยังครองเจ้าตลาดรถยนต์น้ำมันแบบดั้งเดิมอยู่นะครับToyota เป็นอันดับ1ถือสัดส่วนมากที่สุดในโลกถึง 10.5%อันดับ 2 เป็น Volkswagen สัดส่วน 6.41%  อันดับ3 Honda 5.3%อันดับ 4 Nissan 4.6%แต่พอโควิดมาทำให้ยอดขายรถยนต์น้ำมันตกลงเรื่อยๆ 

วิเคราห์ทางฝั่งจีน/ญี่ปุ่น ว่าเหตุผลหรือปัจจัยอะไร ทำไมญี่ปุ่นไม่โดดเข้ามาทำจริงจังสักที?

ประเทศจีนต้องบอกว่าประเทศจีนเป็นประเทศที่เป็นโรงงานผลิตของโลกใบนี้เลยก็ว่าได้แต่ด้วยการโตด้วยอุสาหกรรมอย่างก้าวกระโดด 

ทำให้จีน เจอวิกฤตอยู่ 2 อย่าง

1.วิกฤตมลพิษทางอากาศ และสิ่งแวดล้อม 
2.วิกฤตด้านพลังงาน 
เพราะอุสาหกรรมจะขับเคลื่อนได้ ต้องใช้น้ำมันอย่างมาก 
ถือว่าเป็นอันดับ 1 ของโลกที่นำเข้าน้ำมันเลยก็ว่าได้จีนเลยพยายามหาพลังงานจากภายนอก จาก 2 ข้อนี้จีนเลยตัดสินใจแก้ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมจนมาลงตัวที่ รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสามารถ
แก้ปัญหาได้ทั้ง 2 วิกฤตที่เกิดขึ้น
จึงเร่งส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีน 

จนออกมาเป็นนโยบายถึง 3ข้อ 

1.สนับสนุนให้รองรับยานยนต์ไฟฟ้า
ให้มีสถานีชาร์จถึง 1.2 หมื่นสถานีชาร์จ ทั่วประเทศ
2.การส่งเสริมจากภาครัฐ และ เอกชน สำหรับคนใช้รถยนต์ไฟฟ้า 
อย่างล่าสุดใครซื้อรถไฟฟ้า ก็จะได้รับส่วนลดจากทางรัฐบาล ถึง 3 แสนบาทและ ยังได้สิทธิพิเศษลดหย่อนภาษีอีกมากมาย 
3.ผลักดันเทคโนโลยี ที่เป็น Eco System ของรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งทางภาครัฐก็ได้มีการผลักดันให้ผลิต แบตเตอรี่ ลิเทียมไอออนภายในประเทศให้ได้ทำให้จีนวันนี้ขึ้นแท่นเป็นประเทศที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดในโลก!

 

ในส่วนประเทศญี่ปุ่น

 

ญี่ปุ่นเป็นผู้นำในการผลิตแบบดั้งเดิม ทั้ง น้ำมัน/Hybrid ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก มีประชากรทำงานในอุสาหกรรมยานยนต์มากถึง 5.5 ล้านคนเป็นอุสาหกรรมที่สร้างรายได้ถึง 89% เทียบกับอุสาหกรรมทั้งหมดในประเทศเรียกได้ว่าเป็น อุสาหกรรม หลักที่ค้ำจุนญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้

ซึ่งทางCeo Toyota เคยกล่าวไว้ว่า ถ้าเปลี่ยนอุสาหกรรมไวเกินไปอุสาหกรรมยานยนต์อาจล้มลงได้ ทั้ว Supply Chain ชิ้นส่วนยานยนต์ต่างๆและ คนจะตกงานเป็นล้าน

แต่ในส่วนของเทคโนโลยีถามว่าญี่ปุ่นพร้อมไหมพร้อมครับ ไฟฟ้าก็เคยทำแล้ว เรื่องเทคโนโลยีอย่างไฮโดรเจนก็มี FCEV ก็มีเช่นกันแต่ที่ไม่ตัดสินใจทำ เพราะวางแผนไว้ว่าจะดัน Hybrid ก่อนรถยนต์ไฟฟ้าและ ตั้งเป้าไว้ว่าในปี 2030 จะผลิต Hybrid 75% ไฟฟ้า 20% PHEV 5%ญี่ปุ่นก็มองว่าควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป และ อีกสิ่งหนึ่งที่ญี่ปุ่นไม่มี คือ Chain เกี่ยวกับแบตเตอรรี่เพราะตอนแรกตั้งใจจะปั้นรถไฮโดรเจน เป็นรถแห่งอนาคตของ Toyota

การที่วันนี้ญี่ปุ่นจะกลับมาเป็น ที่1 ต้องบอกเลยว่าช้าไปแล้วนะครับ เพราะวันนี้จีน อเมริกา ก็ยังเร่งพัฒนาอยู่ตลอดเช่นกันเพื่อนๆคิดเห็นยังไงคอมเมนต์พูดคุยกันได้เลยนะครับ ถ้าชอบฝากกดไลค์ กดแชร์ ติดตามกันด้วยนะครับ

Share

FOLLOW US


WELLDONE GUARANTEE

452 Pecthkraseam Rd. Laksong Bangkhae, Bangkok 10160
Email : welldone.guarantee@gmail.com Tel. 0889415944

Copyright © 2022 EV GUARANTEE All rights reserved.