หลายๆคำถามที่ถามกันเข้ามา
“ตอนออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าไม่ใส่ไดนาโมตรงล้อด้วย “
คอนเซปต์เดียวกันกับจักรยาน เวลาวิ่งไปจะได้ปั่นไฟไปด้วย
ในส่วนของหลักการทำงานจะแบ่ง เป็น 2 ส่วนหลักๆ
1.ระบบขับเคลื่อน ทำหน้าที่พารถออกเดินทางตั้งแต่กดสตาร์ตทางรถจะขึ้น Ready Mode พร้อมใช้งานทันทีที่เข้าเกียร์รถจะไม่ออกในทันทีจนกว่าคุณเหยียบคันเร่งพอเหยียบคันเร่ง จะส่งสัญญาณไป VCU สมองสั่งการของรถVCU จะไปสั่ง แบตเตอรี่ให้จ่ายไฟให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องทำการเปลี่ยนพลังงานผ่าน Power invetorเปลี่ยนจาก DC–>AC จากนั้น MCU ก็จะสั่งให้รถขับเคลื่อนนั้นเอง
แต่เมื่อคุณยกคันเร่งไม่ได้จ่ายไฟ มอเตอร์จะทำหน้าที่เป็นไดนาโม
ปั่นไฟกลับไปชาร์จในแบตเตอรี่แทน ระบบนี้เรียกว่า Regenerative braking ทำการชะลอความเร็ว และ ปั่นไฟกลับไปเติมพลังงานในแบตเตอรี่
2.การเติมพลังงาน จะมี2 แบบ
1.AC กระแสสลับ ใช้เวลาชาร์จนานเช่น Home Charger
เป็นตัวปิดเปิดจ่ายไฟ อาจจะมีลิงค์กับมือถือต่างๆและจะมี On Bord Charger อยู่ระหว่างการจ่ายไฟ เพื่อแปลงจาก AC เป็น DCส่งต่อไป BMS เพื่อควบคุมการชาร์จไฟให้ บาลานซ์เท่าๆกัน พอเต็มแล้วจะส่งสัญญาณไป Onboard และส่งไป EVCC สั่งให้ตู้ Home Charger หยุดการจ่ายไฟ
2.DC กระแสตรง เป็นการชาร์จแบบเร็วพอเสียบชาร์จ ตัว EVCC จะมีหน้าที่วิเคราห์ด้วยว่าไฟเหลือเท่าไหร่เพื่อจะเร่งประสิทธิภาพได้มากที่สุด แต่พอชาร์จถึง 80% ทางEVCC จะสั่งให้ตู้ชะลอการชาร์จจึงแนะนำให้ชาร์จถึง80% พอ เพราะหลังจากนั้นจะเริ่มช้า
ในส่วนของคำถาม
รถยนต์ไฟฟ้าใส่ไดนาโมตรงล้อเพื่อปั่นไฟไปแบตไม่มีวันหมดทำได้จริงไหม?
จริงระบบนี้มีอยู่ในรถอยู่แล้ว ที่มีชื่อว่า Regenerative braking คือการเบรค
ชะลอความเร็วของรถ โดยการหน่วงเอากลับไปปั่นไฟชาร์จแบตเตอรี่ระบบนี้ยังสามารถดึงไฟกลับมาได้16-70% เลยทีเดียว ส่วนถ้านำไดนาโมติดจริงๆจากที่จะประหยัดไฟ จะทำให้กินไฟมากขึ้นกลายเป็นภาระ ให้ตัวรถมากขึ้น ทำให้ชะลอ
และกินไฟมากขึ้นต่อระยะทาง 1กม.
จึงใช้ระบบ ใช้แบบ Regenerative braking คุ้มมากกว่า
ส่วนแบตมีวันหมดไหม ยังไงแบตก็ต้องมีวันหมดอยู่ดี
เพราะพลังงานที่กลับมาไม่สามารถกลับมาได้100%
แน่นอนยกเว้นจะมีแหล่งพลังงานอื่น อย่าง Solar Roof เป็นต้น.
